WINDS OF YESTERDAY
“แว่วสายลมที่บ้านขนมปังขิง”
Text: เนปาล-พิษณุ
Photo: ฉัตรชัย เจริญพุฒ
ลมเย็นๆ พัดกระทบม่านหน้าต่าง พลิ้วไหวในยามเช้าอันน่าอภิรมย์ชวนให้เคลิบเคลิ้ม จนแทบอยากจะเดินเข้าไปขอเพลง “แว่วสายลม”ด้วยคิดถึงน้ำเสียงเย็นๆ หวานเจี๊ยบของคุณสุภัทรา อินทรภักดีแห่งไหมไทย ออร์เคสตรา ที่เข้ากับบรรยากาศเป็นที่สุด ที่นี่ คือ “บ้านขนมปังขิง”แห่งเสาชิงช้า
ในซอยหลังโบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า เดินเข้ามาไม่ถึงหนึ่งนาทีจะพบกับบ้านเรือนไทยเก่าแก่อายุ 106 ปี ที่ซุกตัวอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาโอบเรือนไว้ ที่ซุ้มประตูและรั้วไม้ลายฉลุตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความร่มเย็น สงบสบาย สำหรับชื่อบ้านขนมปังขิง หรือเรือนขนมปังขิงนั้นเป็นการเรียกขานบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมตะวันตก ซึ่งแพร่เข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 4จุดเด่นคือมีการประดับตกแต่งลวดลายฉลุที่งดงามวิจิตรเหมือน “Gingerbread” ซึ่งเป็นขนมปังขิงของชาวยุโรปที่ตกแต่งลวดลายสวยงาม รูปร่างเป็นแง่งคล้ายขิง จึงใช้เป็นคำเรียกลวดลายทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นฟังแล้วสะดุดหูนี้
คุณบี-สุรางคนางค์ คุณารัตนอังกูร ทายาทรุ่นที่ 5คุณบีเล่าที่มาที่ไปของบ้านขนมปังขิงแห่งนี้ให้เราฟังว่า“เดิมทีบ้านขนมปังขิงหลังนี้เป็นของท่านขุนประเสริฐทะเบียน และภรรยาอำแดงหน่ายค่ะ เจ้าของปัจจุบันคือคุณวิรัตน์ และคุณธนัชพร คุณารัตนอังกูรซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 4ด้วยระยะเวลาอันยาวนานบ้านหลังนี้จึงถูกบูรณะมาหลายครั้ง โดยการฟื้นฟูบ้านขนมปังขิงนี้เป็นความคิดของคุณแม่ของคุณธนัชพร ทายาทรุ่นที่ 3 ก็คือท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ด้วยความต้องการที่อยากจะอนุรักษ์บ้านหลังนี้ไว้ให้คงสภาพดีดังเดิม และเปิดให้คนทั่วไปได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชม จึงเป็นที่มาของร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ซึ่งเปิดไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562 นี้เอง โดยมีพวกเราหลานๆ เป็นทายาทรุ่นที่ 5 ซึ่งช่วยกันดูแลค่ะ
คอนเซ็ปต์ที่ว่าอยากให้ที่นี่เป็นคาเฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ เพราะนอกจากลวดลายฉลุที่ตกแต่งอยู่ในสถาปัตยกรรมส่วนต่างๆ ที่เป็นจุดเด่นของบ้าน ภายในบ้านยังมีเก้าอี้ เตียง ตั่ง ที่เคยใช้จริงนำมาวางตกแต่ง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้หาชมยากอย่างเตารีดถ่าน ในทุกห้องของบ้านยังมีการนำรูปถ่ายเก่าๆ ของทั้งเจ้าของบ้าน ภาพผู้ก่อสร้างบ้าน ผู้อยู่อาศัยมาติดไว้ เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในอดีต”
ระหว่างพูดคุยกันซึ่งเป็นช่วงเวลาเปิดร้าน 11.00 น. โดยประมาณทันทีที่ร้านเปิด ก็มีลูกค้าทยอยเข้าร้านอย่างไม่ขาดสาย แสดงว่าร้านขนมปังขิงแห่งนี้ น่าจะกำลังถูกพูดถึงและเป็นจุดหมายสำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ผ่อนคลายในบรรยากาศความเป็นไทย ทำให้อยากทราบถึงคอนเซ็ปต์อาหารที่จะมาเสิร์ฟคู่กับคอนเซ็ปต์ของร้าน
“ด้วยความที่เราเป็นบ้านไทยประยุกต์ ดังนั้น คอนเซ็ปต์ของอาหารก็คงไม่มีอะไรที่จะเหมาะสมไปกว่าขนมไทย แต่ก็อยากจะให้มีความพิเศษขึ้นไปอีก ด้วยการนำขนมไทยมาแมตช์กับไอศกรีม ก็จะกลายเป็นขนมไทยกึ่งฟิวชั่นค่ะ โดยเราจะใช้ภาชนะที่สวยงามเป็นเครื่องทองที่ถ่ายภาพออกมาแล้วสวย ทรงคุณค่า อย่างวันนี้ที่ทำให้ทาง Daybeds ทาน ก็จะเป็นไอศกรีมใบเตยบัวลอย เสิร์ฟคู่กับเซตบัวทองที่จะรวบรวมขนมมงคลของไทยประมาณ8 อย่าง พร้อม Tea Set”
“นอกจากนี้ในเมนูขนมทั้งหมดเราได้เสิร์ฟเค้กควบคู่กันไปด้วย เพราะเมื่อนึกถึงการจิบชาหลายๆ ท่านก็จะต้องมีเค้กอร่อยๆ ทานคู่กัน สำหรับเครื่องดื่มที่โดดเด่นก็คือกาแฟซิกเนเจอร์ของเรา เสิร์ฟเป็นเลเยอร์คอฟฟี่คือ 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเราจะใช้เป็นไซรัป สูตรพิเศษของทางร้าน ต่อด้วยนมและท้อปปิ้งโดยกาแฟ ได้เป็นรสชาติหลานกลมกล่อม เข้มกำลังดี ซึ่งเมนูนี้ได้รับความนิยมมาก นอกจากนี้คนที่ไม่ทานกาแฟเราก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ ให้ได้เลือกทาน ไม่ว่าจะเป็น Mint Lime Sodaที่มีความหอม ความเปรี้ยว ทานแล้วสดชื่น รวมถึงชาไทย และชาผลไม้ต่างๆ ให้ได้เลือกตามชอบ”
ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชม และยินดีทุกครั้งที่ได้เห็นเจ้าของบ้านหลายแห่งตัดสินใจอนุรักษ์อาคาร สถาปัตยกรรมเก่าอันทรงคุณค่าไว้แทนการทุบทิ้งทำลาย เมื่อได้มาเห็นแนวคิดการเปิดบ้านขนมปังขิงแห่งนี้ให้เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่มีมุมให้นั่งพักผ่อนหลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอก และได้ทำความรู้จักกับวิถีชีวิตของคนรุ่นก่อนผ่านรูปถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ก็ยิ่งเปรมปรีดิ์ และอยากจะบอกต่อให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับความรื่นรมย์ในรสกาแฟ ควบคู่ไปกับการจิบความทรงจำของปู่ย่าตายายที่หาดูได้ยากยิ่งที่บ้านขนมปังขิงแห่งนี้
Location:
47 ซอยหลังโบสถ์พราหมณ์ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนครกรุงเทพมหานคร
เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00น.
Tel:097 229 7021
Facebook: https://web.facebook.com/house2456/