WIND BENEATH MY WINGS
“หัวใจร้องเพลง”
Text:เนปาล-พิษณุ
Photo:กมลรัตน์ ศรีสุข
ในปัจจุบันมีนักร้องที่แจ้งเกิดทั้งจากรายการประกวดร้องเพลง หรือการทำคลิปคัฟเวอร์ลงยูทูป จนโด่งดังในชั่วข้ามคืน อย่างเช่น“พิม-ฐิติยากร ทองศรีธนพงษ์” เจ้าของน้ำเสียงที่สื่ออารมณ์ได้ลึกซึ้งในเพลง“ช้ำคือเรา”เวอร์ชั่นคัฟเวอร์จากต้นฉบับของคุณนิตยา บุญสูงเนิน ซึ่งทำยอดวิวในยูทูปพุ่งสูงหลายร้อยล้านวิว จนโด่งดังไปทั่วประเทศ
ทุกก้าวแห่งความสำเร็จ เธอมีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ทและอยู่เคียงข้างเสมอมา โดยเฉพาะพี่สาว“ปลาทอง-ธัญนันท์ทองศรีธนพงษ์” ก็เป็นนักร้องอาชีพที่อยู่ในเส้นทางนี้มาก่อน ซึ่งในปัจจุบันทั้งคู่เป็นที่รู้จักกันในฐานะ 2 สาว เสียงสวยจากเวที The Voice Thailandนั่นเอง
ในเส้นทางความฝันที่เหมือนจะคล้ายกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่าง เมื่อได้พูดคุยกับพวกเธอ ทำให้ได้ทราบว่า อันที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงเธอทั้งคู่ที่รักในเสียงเพลง ทว่า ทั้งคุณพ่อคุณแม่เองก็เคยเป็นนักร้องนักดนตรีมาก่อน และยังมีเครือญาติที่เป็นศิลปินมากความสามารถอย่าง แมว-จิรศักดิ์ปานพุ่ม อีกด้วย
“ล่าสุดพิมมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคุณอาแมว-จิรศักดิ์ คือเพลงเจ็บนิดเดียว ในเวอร์ชั่นปี 2019ซึ่งตอนนี้ก็มีให้ฟังในยูทูปค่ะ โดยอาแมวเป็นโปรดิวเซอร์ให้ เวอร์ชั่นนี้ก็จะมีสีสันดนตรีที่แตกต่างออกไป เป็นอีกครั้งที่หนูได้รับโอกาสที่ดีในการได้ทำงาน”
“หนูเชื่อเรื่องจังหวะเวลามากๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นหนูก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่ทำงานเป็นแคชเชียร์ในร้านกาแฟ และร้องเพลงในร้านเดียวกันในช่วงกลางคืนที่อุบลฯ เคยลองทำอะไรมาหลายอย่าง ทั้งขายเสื้อผ้า ทำงานประจำ จนในที่สุดเมื่อได้มาทำเพลงคัฟเวอร์ลงยูทูปกับวงสมอารมณ์ ซึ่งก็ได้โทรมาปรึกษาพี่ปลาทองว่าจะเลือกเพลงช้ำคือเราไปคัฟเวอร์ดีไหม ซึ่งพี่ปลาทองชอบเพลงนี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้วจึงสนับสนุน เมื่อได้ทำเพลงและปล่อยออกไป ปรากฏว่าหลังจากนั้นเพลงนี้ก็ดังมากๆ ในระดับที่เราก็ไม่คาดคิด ตรงนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตหนูค่ะ”
เมื่อถามพี่สาวที่เคยผ่านเวทีประกวดร้องเพลงระดับประเทศมาแล้วทั้งKPN Awardและ The Voice Thailandและยังยึดเอาการร้องเพลงเป็นอาชีพหลัก และประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ มีคำแนะในก้าวต่อไปของน้องอย่างไร
“ด้วยความที่ตัวปลาเองผ่านการประกวดมาก่อน เรารู้ว่ามันมีข้อดีอย่างไร ก็จริงอยู่ที่น้องพิมเป็นที่รู้จักในนามนักร้องของวงสมอารมณ์ หรือเป็นนักร้องที่ทำเพลงคัฟเวอร์ แต่ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีกหากน้องได้ผ่านเวทีการประกวดร้องเพลงซึ่งก็เหมือนเป็น Certificateให้น้องเป็นที่ยอบรับในวงกว้างได้ประสบการณ์ เมื่อเป็นที่รู้จักมากขึ้น น้องกับวง ก็จะมีงาน มีโอกาสที่เพิ่มขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของการเข้าไปประกวดในรายการ The Voice Thailand Season7ของน้องพิมค่ะ”
เปลี่ยนเรื่องมาพูดคุยสบายๆ เกี่ยวกับบ้านและสไตล์ของแต่ละคนจนมาเจอกับคำตอบที่น่าสนใจในคำถามที่ว่า ถ้าจะให้เปรียบตัวเองเป็นเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นในบ้าน พี่ปลาทองตอบว่าตัวเองคงเปรียบเหมือนเลซี่บอยที่นั่งแล้วสบาย เหมือนกับตัวเองที่ใช้เสียงเพลงมอบความสุขให้คนฟัง
และขณะที่น้องพิมยังนึกคำตอบไม่ออก พี่สาวก็รีบเสริมให้อย่างน่ารักว่า ในโมเมนต์นี้น้องพิมคงเหมือนกับโซฟากลางบ้านที่กำลังเป็นจุดสนใจ ซึ่งก็ทำหน้าที่เหมือนกันคือให้ความสุขด้วยเสียงเพลง ความประทับใจกับคำถามทิ้งท้ายที่สุดคือคำถามทิ้งท้ายของทั้งคู่ว่า วางแผนอนาคตไว้อย่างไร อยากฝากบอกอะไรถึงคนที่กำลังเดินตามเส้นทางนี้
“ตัวพิมเองเชื่อในเรื่องtiming มากๆ หนูเลยไม่พยายามไปกำหนดอะไรมากมาย แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามจังหวะชีวิต ถ้าเกิดในอนาคตเราไม่เป็นที่สนใจ ไม่มีคนฟังเพลงเราเหมือนเดิม หนูก็คงจะหันไปทำธุรกิจเล็กๆ ที่อุบลบ้านเกิด มีคนชอบมาถามหนูว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเพลงที่พวกเขาคัฟเวอร์ลงยูทูปไม่มีใครสนใจมาฟัง หนูอยากจะบอกว่า กว่าที่เพลงช้ำคือเรา จะมีคนมาดูเยอะขนาดนี้ก็ต้องใช้เวลา สิ่งสำคัญคืออย่าไปตามใคร แค่พรีเซนต์ในสิ่งที่เป็นตัวเรา และที่สำคัญคือไม่ต้องคาดหวัง”
ส่วนน้องปลาทองได้ฝากถึงคนที่กำลังเดินตามความฝันของตัวเองว่า“ปลาคิดว่าโอกาสของคนเรามันไม่ได้มากันบ่อยๆ ค่ะ
ถ้ามันมาถึงเราก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ ช่วงชีวิตที่ผ่านมาปลาเคยเสียโอกาสดีๆ ไปหลายครั้งเพราะคำว่าลังเล ความไม่กล้า ปลาอยากจะบอกน้องๆ ว่า อย่ากลัวที่จะทำตามความฝัน ในเมื่อสิ่งที่เราฝันมันคือความสุข”
น้องสาวที่มีอายุห่างจากพี่ถึง 9 ปี กับเส้นทางการเป็นนักร้องอาชีพที่กำลังโดดเด่น คำแนะนำจากพี่สาวที่เดินบนถนนสายนี้มายาวนานกว่า จึงเป็นเหมือนแรงลมที่ช่วยให้บินได้อย่างสวยงาม แต่ถ้าจะมองอีกมุม ลมใต้ปีกอีกชั้นหนึ่งคงจะมาจากคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองสาว ที่ช่วยเป็นอีกกำลังใจที่คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะการจะบินได้อย่างสวยงามที่สุดนั้น ไม่ใช่การบินที่สูงที่สุด แต่เป็นการบินไปได้ไกล ปลอดภัยและไปในทิศทางที่ถูกต้องที่สุดต่างหาก”
