VILLA GEEF / DAMILANOSTUDIO ARCHITECTS


บ้านสีขาวเรียบนิ่งที่สง่างามท่ามกลางบริบทของหุบเขาสูงตระหง่าน

TEXT:  Mr.Daybeds แปลและเรียบเรียง
PHOTO: Andrea Martiradonna

ซอนดรีโอ (Sondrio) เป็นจังหวัดเล็กๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่ราวสองหมื่นคนเศษ ในเขตเหนือสุดของลอมบาร์ดี (Lombardy) หรือลอมบาร์เดีย แคว้นสำคัญทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นหุบเขาสูง กระนั้นเองจึงเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะที่ทำให้ซอนดรีโอกลายเป็นชื่อแรกๆ ที่เรานึกถึงในด้านการผลิตไวน์และทัศนียภาพของไร่อุ่นที่ปลูกแบบขั้นบันไดอยู่ตามแนวภูเขาสูงเหล่านั้น และแน่นอนว่าเป็นทิวทัศน์สุดตระการตาที่ช่วยเสริมให้ภาพรวมของ Villa GEEF บ้านพักอากาศสีขาวที่เรากำลังจะพูดถึงนี้โดดเด่นยิ่งขึ้นไป

Villa GEEF เป็นบ้านพักตากอากาศชั้นเดียวที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นบนที่ดินผืนงามท่ามกลางบริบทของหุบเขาสูงตระหง่าน ทำเลบริเวณนี้เองยังนับเป็นที่ดินซึ่งมีผู้มาบุกเบิกตั้งรกรากเป็นผืนแรกในแถบชานเมืองของจังหวัดซอนดรีโอ และในบริเวณเดียวกันนี้ยังเป็นที่ตั้งของบ้านตากอากาศสำหรับพนักงานบริษัทไฟฟ้าอีกจำนวนหลายหลัง แต่สำหรับ Villa GEEF, Duilio Damilano สถาปนิกชาวอิตาลี ผู้ก่อตั้งสำนักงานออกแบบสถาปัตยกรรม Damilanostudio Architects ขึ้นในปี 1990 ได้ออกแบบให้ Villa GEEF ให้มีลักษณะอาคารต่างออกไปจากบ้านหลังอื่นในละแวกดังกล่าวอย่างมีนัยยะสำคัญ

สถาปนิกออกแบบพื้นที่ภายนอกให้มีแนวทางเดินต่อเนื่องจากโรงจอดรถและประตูทางเข้า ที่สามารถลอดผ่านช่องอาคารทั้งสองฝั่งตรงไปสู่สนามหญ้าด้านหลังอย่างสะดวก โดยไม่ต้องเปิดประตูผ่านเข้าออกด้านในตัวอาคาร

พื้นที่พักอาศัยในอาคารฝั่งทิศตะวันออก สถาปนิกเน้นการเปิดโปร่งให้สามารถมองผ่านผนังกระจกออกมาเห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนสนามหญ้าได้ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ในส่วนมุมนั่งเล่นได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารและแพนทรี พร้อมจัดวางโซฟารุ่น Standard จากแบรนด์ Edra โต๊ะรับประทานอาหารรุ่น Manta จากแบรนด์ Rimadesio เก้าอี้ รุ่น 412 CAB จากแบรนด์ Cassina และประดับโคมไฟแขวนเพดาน รุ่น Glo จากแบรนด์ Penta Light

พื้นที่พักอาศัยในอาคารฝั่งทิศตะวันออก สถาปนิกเน้นการเปิดโปร่งให้สามารถมองผ่านผนังกระจกออกมาเห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนสนามหญ้าได้ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ ในส่วนมุมนั่งเล่นได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารและแพนทรี พร้อมจัดวางโซฟารุ่น Standard จากแบรนด์ Edra โต๊ะรับประทานอาหารรุ่น Manta จากแบรนด์ Rimadesio เก้าอี้ รุ่น 412 CAB จากแบรนด์ Cassina และประดับโคมไฟแขวนเพดาน รุ่น Glo จากแบรนด์ Penta Light

สถาปนิกออกแบบให้อาคารทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อถึงกันด้วยแนวทางเดินบริเวณชานด้านนอก และจัดให้มีมุมนั่งเล่นด้านหลังอาคารเชื่อมพื้นที่ไปสู่ลานกว้างทางฝั่งทิศใต้ ที่มีวิวเบื้องหน้าเป็นสวนเขียวและแนวภูเขาสูง ซึ่งเอื้อสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง

สถาปนิกออกแบบให้อาคารทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อถึงกันด้วยแนวทางเดินบริเวณชานด้านนอก และจัดให้มีมุมนั่งเล่นด้านหลังอาคารเชื่อมพื้นที่ไปสู่ลานกว้างทางฝั่งทิศใต้ ที่มีวิวเบื้องหน้าเป็นสวนเขียวและแนวภูเขาสูง ซึ่งเอื้อสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง

มุมมองจากภายนอก Villa GEEF เป็นดั่งสถาปัตยกรรมสีขาวที่เรียบนิ่งและสง่างาม โครงสร้างอาคารวางตัวราบไปกับแนวที่ดินซึ่งแวดล้อมด้วยหุบเขาวัลเตลลิน่า (Valtellina) ที่มีการปลูกไร่องุ่นบนแนวภูเขาในลักษณะทางกายภาพแบบขั้นบันได ซึ่งเดิมทีนั้นในความตั้งใจแรกของเจ้าของบ้านปรารถนาที่จะสร้าง Multi-Storey Villa หรือบ้านพักอาศัยแบบแนวตั้งจำนวนหลายชั้นขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ทว่าท้ายที่สุดแล้วความตั้งใจนั้นถูกพับเก็บไป เมื่อผู้ออกแบบและพัฒนาโครงการนี้อย่าง Damilanostudio Architects เลือกที่จะนำเสนอภาพใหม่และมุ่งเน้นไปที่การออกแบบพื้นที่พักอาศัยแนวราบที่อยู่สบาย สร้างเป็นอาคารชั้นเดียวขึ้นโดยอาศัยข้อได้เปรียบของที่ดินผืนกว้างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวอาคารชั้นเดียวดูเรียบนิ่ง และไม่ไปข่มแข่งกับความสูงของหุบเขาในมุมมองจากภายนอก

Villa GEEF แบ่งฟังก์ชันการใช้งานและพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ออกเป็นสองฝั่งอาคาร โดยอาคารฝั่งทิศตะวันตกคือเรือนรับรองสำหรับแขกเหรื่อที่ตั้งอยู่ติดกับโรงจอดรถ ส่วนอาคารฝั่งทิศตะวันออกคือพื้นที่พักอาศัยของเจ้าของบ้าน ซึ่งประกอบด้วย ห้องนอน จำนวน 3 ห้อง ห้องน้ำ จำนวน 3 ห้อง และห้องแต่งตัวแบบ Walk in closet จำนวน 1 ห้อง ตลอดจนพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางหลักๆ อย่าง มุมนั่งเล่นพักผ่อนที่เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารและห้องครัว

นอกจากนี้ Damilanostudio Architects ยังเน้นการเชื่อมโยงพื้นที่กลางแจ้งกับส่วนพักอาศัยในร่มให้มีความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยเฉพาะตัวอาคารบริเวณพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดโปร่งให้ผู้อาศัยสามารถมองผ่านผนังกระจกออกมาเห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนสนามหญ้าได้ทั้งฝั่งเหนือและฝั่งใต้ อีกทั้งยังสามารถเปิดมุมมองออกไปรับรู้บริบทแวดล้อมซึ่งเป็นไร่องุ่นและทิวเขาสูงได้เต็มสายตา เสมือนว่าได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นและเอื้อต่อการพักผ่อนมากกว่าเดิมไปโดยปริยาย

สถาปนิกออกแบบให้อาคารทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อถึงกันด้วยแนวทางเดินบริเวณชานด้านนอก และจัดให้มีมุมนั่งเล่นด้านหลังอาคารเชื่อมพื้นที่ไปสู่ลานกว้างทางฝั่งทิศใต้ ที่มีวิวเบื้องหน้าเป็นสวนเขียวและแนวภูเขาสูง ซึ่งเอื้อสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง

โครงสร้างอาคารเรียบนิ่งและสง่างามวางตัวราบไปกับแนวที่ดินซึ่งแวดล้อมด้วยหุบเขาวัลเตลลิน่า

มุมมองจากห้องนอนทางฝั่งทิศใต้ สามารถเปิดออกสู่ภาพกว้างของสวนเขียวและวิวภูเขาสูง

มุมมองจากห้องนอนทางฝั่งทิศใต้ สามารถเปิดออกสู่ภาพกว้างของสวนเขียวและวิวภูเขาสูง

ห้องนอนใหญ่เลือกใช้เตียงนอน รุ่น Alys จากแบรนด์ B&B Italia

จัดวางมุมพักผ่อนในห้องนี้ด้วยอาร์มแชร์ รุ่น K10 Dodo จากแบรนด์ Cassina

เติมความน่าสนใจให้ผนังห้องน้ำ ด้วยการติดตั้งวอลเปเปอร์สไตล์ร่วมสมัยลาย Midsummer night และ Stucco จาก Wall & Decò

เติมความน่าสนใจให้ผนังห้องน้ำ ด้วยการติดตั้งวอลเปเปอร์สไตล์ร่วมสมัยลาย Midsummer night และ Stucco จาก Wall & Decò

บริเวณสวนหย่อมที่ถูกโอบล้อมด้วยแนวอาคารทั้งสองฝั่ง เน้นการจัดวางตำแหน่งก้อนหินลงไปในงานภูมิสถาปัตยกรรม เพื่อให้เกิดความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับบริบทแวดล้อมที่เป็นภูเขาสูง เช่นเดียวกับผนังอาคารบริเวณส่วนนั่งเล่นซึ่งติดกับครัวที่มีการก่อผนังหินให้อาคารดูกลมกลืนและไม่ขัดแย้งไปกับงานภูมิสถาปัตยกรรม

CREDIT:
Project Team: Damilanostudio Architects
Project Leader Arch. & Artistic supervision Arch.: Duilio Damilano
Construction supervision Arch.: Enrico Massimino
Collaborator Arch.: Emanuele Meinero

Leave A Comment