บ้านกรุสมบัติแสนรักของโทนี่ รากแก่น

Text: นวภัทร ดัสดุลย์, ปาริสา โพธิศรี
Photo: เปี่ยมพล จันทร์เปี่ยม

Vol.154_Interior_tony_22
@tonirakkaen อินสตาแกรมของหนุ่มหล่อที่มียอดฟอลโลกว่า 568k เคยลงรูปภาพพร้อมระบุตำแหน่งเก้าอี้ตัดผมที่เขานั่งตรงนี้เอาไว้ว่า ‘My Entertainment’ Daybeds ฉบับ Another Workspace มาเคาะประตูบ้านสุดเท่ของ คุณโทนี่ รากแก่น นายแบบและนักแสดงที่พ่วงตำแหน่งช่างตัดผมในฝันของใครหลายคนแห่ง Smileclub Thailand เข้าไปอีกหนึ่งอาชีพ พร้อมเยี่ยมชมพื้นที่ส่วนตัวทุกซอกมุมของเขากันในทาวน์โฮม 3 ชั้นย่านพัฒนาการที่ได้รับการตกแต่งภายในได้อย่างมีสไตล์ตั้งแต่หน้าประตูบ้านไปจรดห้องนอน

Vol.154_Interior_tony_23บ่อเลี้ยงปลาที่คุณโทนี่ย่อขนาดโลกในจินตนาการมาตั้งไว้หน้าบ้าน จุดชนวนความสนใจให้เรามุ่งตรงไปเชยชมหนึ่งในความชอบของเขาซึ่งก็คือการเลี้ยงปลาได้สักครู่ (โทนี่บอกว่าตอนเด็กชอบเลี้ยงปลากัดมาก) ก่อนจะเปิดประตูเข้าสู่ภายในบ้านที่ชั้นล่างถูกปรับปรุงใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่เคยเป็นมุมนั่งเล่นมีโซฟาตัวเก่งซึ่งมักจะดูดร่างของเขาให้หลับใหลไปเสียทุกครั้งที่เหนื่อยกลับมาจากการทำงาน ได้ถูกย้ายขึ้นไปไว้บนชั้น 2 แล้วเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้เป็นห้องรับแขก โดยตั้งโต๊ะไม้ตัวใหญ่ไว้ตรงกลางบ้าน ขนาบด้วยตู้โชว์ ชั้นวางของ ตู้ปลาสุดโปรด และเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าแบบลอยตัวที่เรียงรายไปด้วยของใช้นับร้อยชิ้นระคนกันไปตามประสาหนุ่มวินเทจชอบสะสม ถัดเข้าไปด้านในอีกนิดเป็นห้องครัวที่คุณโทนี่เลือกทุบผนังเดิมทิ้งเพื่อติดโครงเหล็กกรุบานกระจกอารมณ์ขึมเข้มในแบบที่ชอบ อาจเรียกได้ว่าพื้นที่ทั้งหมดกว่า 90% ของบ้านหลังนี้ได้รับการรีโนเวตจนแทบไม่หลงเหลือโครงสร้างเดิมไว้ให้เราได้เห็น

Vol.154_Interior_tony_5

“ผมย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะมีพี่ที่รู้จัก คือ พี่ปุ้มกับพี่จอนห์นี ที่อยู่บ้านข้างๆ แนะนำ” คุณโทนี่เริ่มย้อนเหตุการณ์ “ตอนแรกผมอยากได้บ้านที่มีบริเวณเพราะเป็นคนชอบสวน ชอบต้นไม้ ชอบธรรมชาติ แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างมันไม่เอื้ออำนวย อีกอย่างคือมาเห็นที่นี่ก็รู้สึกชอบหลังนี้เลยตกลงซื้อโดยไม่ซีเรียสว่าเราจะเอาโรงรถไปทำเป็นสวนแทนที่จะไว้จอดรถ แต่โดยส่วนตัวก็ยังอยากได้บ้านที่มีบริเวณอยู่ ตอนนี้ก็ค่อยๆ เก็บเงินไปเรื่อยๆ ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็อาจจะขยับขยายไปอยู่บ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้

Vol.154_Interior_tony_2Vol.154_Interior_tony_3
“ก่อนหน้านี้บ้านจะตกแต่งแบบมินิมอล แต่ผมชอบความดิบบวกกับชอบออกแบบด้วย เลยอยากจะทำบ้านในแบบที่เราชอบและอยากให้มันเป็น ตอนตกแต่งบ้านใหม่ได้พี่บอลรุ่นพี่สถาปนิกที่รู้จักมาช่วยดูการออกแบบและความเป็นไปได้ให้ ส่วนของต่างๆ เวลาไปเจออะไรที่ถูกใจก็จะซื้อเก็บไว้ บางชิ้นผมก็ออกแบบเอง ส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์จะชอบอยู่หลายแบบแต่ต้องเป็นแบบที่ไม่ปรุงแต่งเยอะ ถ้างานที่เห็นแล้วสะดุดตาก็คือพวกงานไม้หรือเหล็กซะส่วนใหญ่

“ผมเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดมาก อย่างตอนที่ทำบ้านก็มาอยู่กับช่าง มาคอยดูวิธีการทำและก็มาช่วยแนะนำบ้าง บางทีก็แลกเปลี่ยนความคิดกันจากความรู้และประสบการณ์ของเขาผสมกับไอเดียของเราก็จะได้อะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น พื้นฐานการออกแบบของเราอันดับแรกจะยึดตามหลักฮวงจุ้ย ผมเชื่อในเรื่องพวกนี้แต่ก็พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อยู่ตลอด เพราะมันมีความสอดคล้องกันกับเรื่องของธรรมชาติ เวลาเราชอบเรื่องอะไรก็จะศึกษาลึกลงไปเสมอ”

Vol.154_Interior_tony_15Vol.154_Interior_tony_14
ถัดขึ้นไปบนชั้น 2 ที่ตกแต่งในสไตล์ลอฟต์ มีการก่อผนังอิฐมอญ เปลือยเพดานโชว์งานโครงสร้าง พร้อมปูพื้นไม้ช่วยลดทอนความแข็งกระด้างและสร้างความอบอุ่นในตัว มีเสียงของ Ed Sheeran ในเพลง Thinking Out Loud และ I’m A Mess คลอบรรยากาศ ชั้นนี้คือ ‘My Entertainment’ ของคุณโทนี่ พื้นที่ที่เขาชอบและใช้ชีวิตอยู่ในชั้นนี้มากที่สุดเพราะรวมสิ่งที่เขารักมาไว้ด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย ทีวีจอโค้งขนาดยักษ์ วีดีโอเกมส์ โซฟาตัวเก่งที่ย้ายขึ้นมาจากชั้นล่าง รวมไปถึงมุมทำงานสุดเท่ที่มีเก้าอี้ตัดผมเป็นจุดเด่นของห้อง คุณโทนี่บอกว่าเขาใช้พื้นที่ส่วนนี้เป็นที่ไว้ซ้อมมือหรือเวลาอยากตัดผมให้กับเพื่อนๆ โดยไม่คิดค่าเสียหาย (สังเกตได้จากภาพในอินสตาแกรมของเจ้าตัวที่เคยลงภาพที่มีเพื่อนๆ มานั่งรอต่อคิวตัดผม) ซึ่งปัจจุบันคุณโทนี่เปิดกิจการร้านตัดผมของตัวเองอยู่ที่สยามสแควร์ในชื่อ ‘Smile club’

Vol.154_Interior_tony_11“ตอนนี้ไม่ได้ทำกับพี่ๆ ที่ เดอะ เลานจ์ แล้ว เรามีไอเดียที่อยากจะทำเลยไม่อยากจะรบกวนพี่ๆ ที่ต้องมาเป็นหุ้นส่วนหรือช่วยลงทุนให้ เราจะพยายามหาของเราเองแล้วเราก็จะฝึกฝน ค่อยๆ เติบโตจากร้านเล็กๆ แต่สุดท้ายคือเราก็ยังรู้สึกว่ายังเป็นลูกของเดอะ เลาจน์ อยู่ เราก็เป็นเหมือนอีกไลน์ของเดอะ เลานจ์ ที่แตกออกมา ยังนับถือกันเหมือนเดิม” คุณโทนี่ให้เหตุผลของการออกมาเปิดร้านตัดผม Smile Club ที่มีคอนเซ็ปต์การตกแต่งร้านคล้ายคลึงกับบ้านหลังนี้ เขาเล่าต่อไปอีกว่า “เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ไม่พ้นของที่มันมีเรื่องราว มีความวินเทจ ความตั้งใจของ Smile Club คือเราอยากนำเสนอความเป็นไทยที่สุด ‘Smile Club สยามเมืองยิ้ม’ คือที่มาของชื่อร้าน แล้วสโลแกนของร้านเราก็คือ ‘Made in Land of smile’ สิ่งที่เราเอาเข้าไปตกแต่งก็จะเป็นของที่มีความเป็นไทยสูง ของก็เป็นของเก่าของไทย แต่ด้วยความที่เราชอบดูของอยู่แล้ว เราก็จะเลือกเฉพาะไอเท็มที่โดนจริงๆ แต่ก็ต้องมีกลิ่นอายความไทยด้วย”

Vol.154_Interior_tony_27 ถัดจากนั้นคุณโทนี่พาเราเดินขึ้นมาบนชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องนอน กับห้องจัดเก็บเสื้อผ้าและไอเท็มชิ้นโปรดที่จัดสรรตกแต่งพื้นที่ราวกับเป็นช็อปขนาดย่อม แต่ก่อนจะเข้าไปด้านในเราสังเกตเห็นห้องพระบริเวณประตูริมบันไดทางขึ้น ที่ได้รับการตกแต่งอย่างใส่ใจรายละเอียดไม่แพ้มุมอื่นๆ ภายในบ้าน เพราะบนเพดานของห้องพระมีการเจาะช่องแสงเพื่อเปิดให้ความสว่างจากภายนอกสามารถสาดส่องลงมาสู่พื้นที่ภายใน จึงให้แสงสว่างในเวลากลางวันโดยไม่ต้องเปลืองพลังงานภายในบ้าน จากนั้นเราเดินถัดเข้ามาภายในห้องนอนของหนุ่มหล่อที่เน้นโทนสีขาวสบายตาตัดกับความอบอุ่นของพื้นไม้เช่นเคย มีเสน่ห์ของผนังอิฐที่ก่อเป็นกำแพงซุ้มโค้ง เพื่อเดินถัดเข้าไปยังห้องแต่งตัวและห้องน้ำ มีผ้าย้อมครามเป็นม่านคอยปกปิดสิ่งรบกวนใจเวลานอน ช่วยเติมสีสันให้ห้องๆ นี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

Vol.154_Interior_tony_16Vol.154_Interior_tony_17
Vol.154_Interior_tony_9
“บ้านพอเวลาเราทำใหม่ เราก็อาจจะต้องเสียพื้นที่บางส่วนไปตามลำดับความสำคัญ อย่างเช่น ห้องน้ำเราก็ยื่นออกไปตรงระเบียง เพราะเราอยากให้ห้องน้ำกว้าง เตียงผมได้มาจาก CDC เป็นของแบรนด์ที่คนไทยทำขายแล้วส่งออกไปอเมริกา ผมได้มาในราคา 50,000 บาท เพราะเราเตรียมใจอยู่แล้วว่าจะลงทุนกับสิ่งที่ต้องใช้จริงๆ เวลาไปเลือกซื้อของตกแต่งส่วนใหญ่จะไปที่ Machine Age Workshop ของที่นี่เข้ากับความชอบของเรา ส่วนของที่ได้ใช้จริงๆ อย่างพวกเตียง โซฟา ผมก็จะตั้งใจจะลงทุนกับมัน ส่วนของที่เราทำเองก็จะเป็นพวกเฟอร์นิเจอร์ที่ตายตัว อย่างโต๊ะ ตู้ แม้แต่ประตูก็เราจะออกแบบเอง” คุณโทนี่กล่าว

ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงโดยประมาณของวันนั้น ขณะที่อากาศภายนอกครึ้มฟ้าฝน เชื่อไหม บรรยากาศภายในบ้านกรุสมบัติแสนรักของคุณโทนี่ทั้งอบอุ่บและน่าทิ้งตัวลงนอนมากๆ สงสัยว่าเราคงหลงเสน่ห์ของบ้านน่าอยู่หลังนี้เข้าให้แล้ว

Leave A Comment