SCG GREEN BUILDING SOLUTION

 

“เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” เผยความสำเร็จธุรกิจที่ปรึกษาอาคารเขียวกับแบรนด์ชั้นนำที่คว้าใบรับรองมาตรฐาน LEED และ TREES ชี้แนวโน้มผู้บริหารไทยให้ความสำคัญอาคารเขียวเพิ่มขึ้น เชื่อตลาดปีหน้าโต 14%

กรุงเทพฯ- “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” (SCG Green Building Solution) ในธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เผยภาพรวมความสำเร็จด้านการทำธุรกิจที่ปรึกษาอาคารเขียว นำลูกค้าคว้าใบรับรองมาตรฐาน LEED และ TREES พร้อมเปิดแผนธุรกิจปี 2561 เดินหน้าธุรกิจให้คำปรึกษาพัฒนาอาคารเขียว กระตุ้นองค์กรธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชนหันมาพัฒนาอาคารเขียว พร้อมขยายบริการให้คำปรึกษาด้านพลังงานและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ตอบรับแนวโน้มตลาดอาคารเขียว  ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดปีหน้ามูลค่าการก่อสร้างตลาดอาคารเขียวโต 14% เนื่องจากองค์กรต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังมีนโยบายรัฐที่ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนการยื่นขอรับรองอาคารเขียวอีกด้วย คาดปี 2560 มีผลประกอบการ 1,400 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 2561 เติบโต 20%

 

นายนรินทร์ จูเจริญ กรรมการผู้จัดการ – อินโนเวทีฟ โซลูชั่น บิสซิเนส ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาเรื่อง    การออกแบบและก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล ที่ให้บริการแบบครบวงจร คาดการณ์ว่าในปี 2561 มูลค่าการก่อสร้างรวมตลาดอาคารเขียวจะอยู่ที่ 9,700 ล้านบาท หรือเติบโต 14% จากตลาดปีนี้ เนื่องจากองค์กรต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตลอดจนมีนโยบายของภาครัฐด้านส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อย          ก๊าซเรือนกระจก ทั้งยังมีมาตรการกระตุ้นให้อาคารใหม่ก่อสร้างเป็นอาคารเขียว โดยอนุญาตให้มีสัดส่วน
การก่อสร้างอาคารต่อพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio หรือ FAR) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดอาคารเขียวมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ในปี 2561 เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น จึงจะเดินหน้าขยายธุรกิจและฐานลูกค้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของตลาด โดยจะขยายการบริการให้ครอบคลุมการให้คำปรึกษาด้านการใช้พลังงาน เพิ่มการขอรับรองประเภทอาคารที่ใช้งานแล้ว ส่งเสริมให้ภาครัฐและเอกชนใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโครงการต่างๆ มุ่งพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและพัฒนาบุคลากร โดยส่งเข้ารับการฝึกอบรมเสริมความรู้ด้านวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งจากสถาบันในประเทศและต่างประเทศเป็นประจำ ซึ่งเอสซีจี
กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานที่ได้รับการรับรอง ASHRAE (American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers) ด้าน Building Energy Modeling Professional และด้าน High-Performance Building Design Professional เป็นคนแรกของประเทศไทย และยังคงตอกย้ำจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญเรื่องวัสดุก่อสร้างของเอสซีจี เนื่องจากเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีคุณสมบัติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง

 

“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทิศทางการสร้างอาคารใหม่และการปรับปรุงอาคารเริ่มก้าวสู่รูปแบบของอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดอาคารเขียวและธุรกิจให้คำปรึกษาพัฒนาอาคารเขียวเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในปี 2558 จนถึงปัจจุบันมีผลประกอบการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 20% โดยในปีนี้คาดว่าจะมีผลประกอบการกว่า 1,400 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 2561 มีผลประกอบการ 1,700 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 20%” นายนรินทร์ กล่าว

 

นางสาวคณาปภา อรรคภาส์ ผู้จัดการส่วนกรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า เทรนด์อาคารเขียวได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีข้อดีที่เป็นประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ช่วยอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยอาคารเขียวสามารถลดการใช้พลังงานได้ 10-48% เพิ่มคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ใช้อาคาร ส่งเสริมภาพลักษณ์และสะท้อนวิสัยทัศน์
การพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นด้านธุรกิจและการลงทุนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเพิ่มมูลค่าอาคารให้สูงขึ้น โดยหากมองในแง่มุมการเปิดให้เช่าพื้นที่ อาคารเขียวสามารถเพิ่มค่าเช่าพื้นที่ได้มากกว่าอาคารทั่วไป  อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนค่าบริหารจัดการและค่าใช้จ่ายภายในอาคารในระยะยาว
ด้วยเหตุผลข้างต้นองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจึงให้ความสนใจที่จะพัฒนาอาคารขององค์กรให้เป็นอาคารเขียว

 

บริการให้คำปรึกษาของ “เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น” มี 2 ประเภท คือ การเป็นที่ปรึกษาสำหรับอาคารที่จะขอรับการประเมินมาตรฐานอาคารเขียว ตั้งแต่การให้บริการศึกษาความเป็นไปได้ในการขอการรับรองอาคารเขียว ให้คำปรึกษาในการออกแบบและก่อสร้าง เลือกใช้วัสดุก่อสร้างตามข้อกำหนดการประเมินอาคารเขียว การจำลองสภาพการใช้พลังงานของอาคาร การให้บริการด้านผู้ตรวจสอบงานระบบของอาคาร ตลอดจนการเสนอเข้ารับรองมาตรฐานอาคารเขียว และการให้บริการให้คำปรึกษาด้านผลิตภัณฑ์ หรือการให้คำแนะนำสินค้าที่มีคุณสมบัติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือสินค้าเอสซีจีที่ได้รับฉลาก เอสซีจี อีโค แวลู (SCG eco value) หรือฉลากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์การเลือกใช้สินค้าตามที่ระบุในมาตรฐานอาคารเขียว LEEDและTREES รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาอาคารเขียวที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย ทีมสถาปนิก วิศวกร นักวัสดุศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์พลังงาน ที่พร้อมให้บริการให้คำปรึกษาในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญที่เคียงข้างนำความสำเร็จสู่คุณอย่างยั่งยืน”

“ความสำเร็จล่าสุด คือเราได้เป็นที่ปรึกษาพัฒนาอาคารเขียวให้กับองค์กรชั้นนำจนสามารถคว้ามาตรฐานรับรองอาคารเขียว ได้แก่ โรงงาน Green  Innovation Wellness บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น คว้ามาตรฐาน LEED ระดับโกลด์ (Gold), อาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ของ ไดกิ้น อินดัสทรีส์ ที่ได้รับการรับรอง TREES ระดับแพลทินัม (Platinum), โตโยต้าโชว์รูม สาขานครชลบุรี ได้รับมาตรฐาน TREES ระดับโกลด์ (Gold) และยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ (Yamaha Riders’ Club) สาขาเกษตร-นวมินทร์ ผ่านการรับรองจาก TREES ระดับซิลเวอร์ (Silver) นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากหลากหลายแวดวงธุรกิจที่มอบความไว้วางใจให้เราเป็นที่ปรึกษาจนได้รับมาตรฐานอาคารเขียวรับรองรวมทั้งสิ้นอีกกว่า 70 โครงการ อาทิ โตโยต้าโชว์รูม 15 สาขาทั่วประเทศ, ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ ในประเทศไทยกว่า 47 สาขา และสาขาอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการสำนักงานดอยคำ และโครงการที่พักอาศัยหลังสวน เป็นต้น” นางสาวคณาปภา กล่าว

ไดกิ้น (Daikin) ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในสัดส่วน
ที่สูง จึงได้มีการกำหนดนโยบายหลักเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมดำเนินงานของบริษัท พัฒนาและปรับปรุงระบบบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้นการพัฒนาอาคารเขียว จึงเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจตามวิสัยทัศน์ของบริษัทได้เป็นอย่างดี

ชื่ออาคาร/โครงการ: อาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์

ที่อยู่: 700/11 หมู่ที่ 1 ถ.บางนา-ตราด กม.57 ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี

รายละเอียดโครงการ:

อาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่ บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด นิคมอุตสาหกรรม
อมตะนคร ชลบุรี เป็นอาคารขนาด 4 ชั้น มีพื้นที่อาคาร 6,960 ตารางเมตร อยู่บนพื้นที่ดิน 1,760 ตารางเมตร และผ่านการตรวจประเมินอาคารตามมาตรฐานเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการใหม่ หรือ Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability for New Construction (TREES-NC) ในปี 2560

รางวัลที่ได้รับ: TREES-NC 2017 TGBI ระดับแพลทินัม (PLATINUM)

การให้บริการของเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น:

อาคารหลังนี้ได้มีการออกแบบภายใต้แนวคิดอาคารเขียวในทุกระบบ โดยไดกิ้นได้พัฒนาอาคารนี้ร่วมกับเอสซีจี
กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น ตั้งแต่ช่วงเริ่มการออกแบบ ทำให้สามารถใช้และควบคุมงบประมาณการก่อสร้างได้อย่างคุ้มค่าและ
เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังให้คำปรึกษาแนะนำทั้งแนวทางการพัฒนาอาคารเขียวที่สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐาน
การดำเนินการในช่วงการก่อสร้าง ติดตามประสานงานกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการยื่นขอรับรองมาตรฐานจนผ่านการพิจารณาของทางสถาบันอาคารเขียวประเทศไทย

ผลของการพัฒนาอาคารเขียว:

การพัฒนาอาคารเขียวเป็นการลงทุนที่ยั่งยืน ซึ่งการใช้อาคารสามารถลดการใช้พลังงาน ทรัพยากรน้ำ และการก่อมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสามารถสร้างสรรค์พื้นที่ที่มีคุณภาพส่งเสริมให้พนักงานมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น
ซึ่งอาคารหลังนี้มีความสามารถลดการใช้พลังงานได้สูงถึง 43% เมื่อเทียบกับอาคารมาตรฐาน ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์สูงสุดของเกณฑ์อาคารเขียวไทย หรือประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 800,000 – 900,000 บาทต่อปี

สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น (Specialty Innovation) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อ
สรรสร้างผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล จึงมีนโยบาย
ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ทั้งด้านการจัดการพลังงานและการบริหารน้ำ รวมถึงการดูแล
ความปลอดภัย สุขลักษณะและสุขภาพที่ดีให้แก่พนักงาน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในการทำงาน มีการจัดการขยะที่ดีและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ชื่ออาคาร/โครงการ: GREEN  INNOVATION WELLNESS FACTORY

ที่อยู่: 9 หมู่ 21 ตําบลบางพลีใหญ่ อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

รายละเอียดโครงการ:

GREEN INNOVATION WELLNESS FACTORY เป็นอาคารโรงงานผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริม ยาแผนโบราณ และสำนักงาน ของบริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จํากัด ในพื้นที่จำนวน 15,808.8 ตารางเมตร และผ่านการตรวจประเมินอาคารเขียวตามมาตรฐานเกณฑ์ Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) 2009 for New Construction and Major Renovations ในปี 2560

มาตรฐานอาคารเขียวที่ได้รับ: LEED 2009 for New Construction and Major Renovations ระดับโกลด์ (GOLD)

การให้บริการของเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น:

สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น ได้มีการพัฒนาอาคารเขียวร่วมกับเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น โดยได้รับคำปรึกษาทั้งหมด 7 ด้าน คือ ด้านทรัพยากรพลังงาน ด้านทรัพยากรน้ำ ด้านสภาพอากาศในพื้นที่และบรรยากาศ ด้านการใช้และจัดสรรพื้นที่ ด้านสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร ด้านการก่อสร้างและการจัดการอื่นๆ รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อมภายนอก นับเป็น GREEN HEALTH & BEAUTY FACTORY แห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รับการรับรอง LEED ในระดับโกลด์ (GOLD)

ผลของการพัฒนาอาคารเขียว:

การพัฒนาอาคารเขียว มีความคุ้มค่าของงบประมาณการก่อสร้าง เมื่อเทียบกับการประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดค่าไฟฟ้าได้ 30% ช่วยประหยัดน้ำ และสามารถนำน้ำเสียมาบำบัดเพื่อนำไปใช้ต่อได้ รวมถึง
ได้รับคำชมที่ดีทั้งจากหน่วยงานราชการและจากลูกค้าที่เข้ามาในโรงงาน ที่สำคัญทำให้พนักงานภายในองค์มีความสุข
ในสภาพแวดล้อมที่ดี

 

            โตโยต้า (Toyota) ได้สร้างโครงการ Eco Dealership Outlet ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ในการยกระดับมาตรฐานโชว์รูมและศูนย์บริการให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบสินค้าและคุณภาพการบริการ ด้วยคุณภาพสูงสุดแก่ลูกค้า ซึ่งโครงการนี้จะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุน ลดการปล่อยมลพิษ และช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี ทำให้พนักงานมีสุขภาพกายและใจที่ดี โดยที่ผ่านมาได้ผลักดันและปรับเปลี่ยนโชว์รูมและศูนย์บริการ ภายใต้หัวข้อ การอนุรักษ์น้ำ การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าและแสงสว่าง และการควบคุมคุณภาพสภาวะแวดล้อมภายในอาคาร เพื่อให้ทุกภาคส่วนธุรกิจที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศได้มีส่วนร่วมในการตอบแทนสังคมและชุมชน เพื่อให้เกิดพัฒนาการในสังคมอย่างยั่งยืน ดังนั้น โชว์รูม สำนักงาน ศูนย์บริการ โตโยต้า นครชลบุรี ในฐานะเครือข่ายธุรกิจจึงขอมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาโชว์รูมตามมาตรฐาน Eco Dealership Outlet

ชื่ออาคาร/โครงการ: โครงการ โชว์รูม สำนักงาน ศูนย์บริการ โตโยต้า นครชลบุรี

ที่อยู่: 44/9 หมู่ 10 ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

รายละเอียดโครงการ:

โชว์รูม สำนักงาน ศูนย์บริการ โตโยต้า นครชลบุรี มีพื้นที่ใช้สอยอาคารรวม 4,917 ตารางเมตร และผ่านการตรวจประเมินอาคารตามมาตรฐานเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการใหม่ หรือ Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability for New Construction (TREES-NC) ในปี 2560

รางวัลที่ได้รับ: TREES-NC 2017 TGBI ระดับโกลด์ (GOLD)

การให้บริการของเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น:

เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น เป็นที่ปรึกษาด้านอาคารเขียวแบบครบวงจรและแบบเฉพาะผู้ตรวจสอบงานระบบให้กับ    โตโยต้า ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน สำหรับโชว์รูม สำนักงาน ศูนย์บริการ โตโยต้า นครชลบุรี ทางเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย โดยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ติดตามผล และตรวจประเมินอย่างเป็นระบบ จนทำให้ได้รับการรับรองจาก TREES โดยใช้ระยะเวลาเพียง 6-8 เดือนเท่านั้น

ผลของการพัฒนาอาคารเขียว:

สิ่งที่เห็นได้ชัดหลังจากการพัฒนาอาคารเขียว คือ ตัวอาคารมีความร่มรื่น ความร้อนที่สะสมในตัวอาคารลดลง เพราะ
มีการเติมอากาศจากภายนอกเข้ามาให้เกิดการไหลเวียนอากาศได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีในระยะยาว เมื่อความสุขนั้นเกิดกับพนักงานผู้ปฏิบัติงาน พนักงานก็จะส่งต่อความสุขไปยังลูกค้าที่เข้ามารับบริการ ซึ่งสามารถดูได้จาก
ค่าคะแนนความพึงพอใจที่มีการสุ่มสำรวจทั้งจากลูกค้าและพนักงาน

อาคาร/โครงการอื่นๆ ที่ได้รับการรับรองอาคารเขียว:

โตโยต้ามีจำนวนโชว์รูมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารเขียวไทย (TREES) และอยู่ระหว่างดำเนินการขอรับการประเมินมากกว่า 15 สาขาทั่วประเทศ เช่น โตโยต้าโชว์รูม สาขาเภตรา จ.ปทุมธานี สาขาไทยเย็น ปากช่อง จ.นครราชสีมา และสาขาเลิงนกทา จ.ยโสธร ที่ได้รับการรับรอง TREES-NC ในระดับ GOLD

ยามาฮ่า (Yamaha) ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย จึงมีนโยบายที่ชัดเจนในการรับผิดชอบต่อสังคมโดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้สังคมเติบโตอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้กับสินค้าต่างๆ และมีการปรับระบบภายในโรงงานให้เอื้อต่อการรักษาสภาพแวดล้อม เช่น ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบระบายอากาศ พร้อมสวนหย่อมที่ร่มรื่นและสนามกีฬาสำหรับพนักงาน ล่าสุดสร้าง “โชว์รูมยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ”
โชว์รูมรถจักรยานยนต์รายแรกของไทย โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานอาคารเขียว และ
จะยังคงมุ่งมั่นนำเกณฑ์การประเมินของอาคารเขียว ไปสร้างเป็นมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารใหม่ๆ ของยามาฮ่าอีกด้วย

ชื่ออาคาร/โครงการ: โชว์รูมยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ สาขาเกษตร-นวมินทร์ (Yamaha Riders’ club)

ที่อยู่: 258 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

รายละเอียดโครงการ:

โชว์รูมยามาฮ่า ไรเดอร์สคลับ เกษตร-นวมินทร์ เป็นอาคาร 2 ชั้น มีขนาดพื้นที่โครงการ 2,400 ตารางเมตร และ
ผ่านการตรวจประเมินอาคารตามมาตรฐานเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับการก่อสร้างและปรับปรุงโครงการใหม่ หรือ Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability for New Construction (TREES-NC) ในปี 2559

รางวัลที่ได้รับ: TREES-NC 2016 TGBI ระดับซิลเวอร์ (SILVER)

การให้บริการของเอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น:

เอสซีจี กรีนบิลดิ้ง โซลูชั่น ได้ให้คำปรึกษาและแนะนำในการออกแบบอาคาร และงานระบบต่างๆ รวมทั้งให้คำปรึกษา
ในการเลือกใช้วัสดุของโครงการ เช่น การเลือกใช้เหล็กโครงสร้างของอาคารที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล มากกว่า 10-20%
ของมูลค่ารวมทั้งหมดของวัสดุ และการเลือกเครื่องปรับอากาศที่เป็นแบบไม่มีสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Non-CFC) ซึ่งทำให้
ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ

ผลของการพัฒนาอาคารเขียว:

ในด้านความคุ้มค่าของงบประมาณการก่อสร้าง ตัวอาคารสามารถลดการใช้พลังงานลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับอาคารทั่วไป ส่วนด้านผลตอบรับหลังจากการใช้อาคารเขียว พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เนื่องจากได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดีทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ และย่อมส่งผลถึงการทำงานและการบริการที่ดีด้วยเช่นกัน และในด้านผลตอบรับจากลูกค้า
ทำให้เกิดกระแสการอุปโภคบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ลูกค้ามองเห็นว่าเราเป็นผู้ผลิตที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม

 

 

Leave A Comment