POR – WOR INTER BOOKSTORE


หน้าหนังสือที่รอการเปิดอ่าน

หนังสือเปรียบเสมือนประตูที่สามารถพาใครต่อใครเดินทางไปยังสถานที่อันน่าอัศจรรย์ได้นับล้าน ณ ห้วงเวลานี้ในเขตเมืองเก่าของกรุงเทพมหานคร ‘สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ’ หรือ ‘พว.’ หนึ่งในสถาบันผู้นำผลิตหน้าหนังสือและผลงานวิชาการที่หลายคนอาจเคยผ่านตาตั้งแต่สมัยเด็ก ได้เปิดประตูแห่งจินตนาการบานใหม่ ต้อนรับนักเรียนนักศึกษา ด้วยอาคารรีโนเวทดีไซน์ทันสมัย บนถนนนครไชยศรี เขตดุสิต จากฝีมือการออกแบบของกลุ่มสถาปนิกรุ่นใหม่ Tidtang Studio

เบื้องหลัง Façade สีดำแปลกตา รูปร่างเดิมของร้านหนังสือ พว.อินเตอร์ คืออาคารพาณิชย์ 2 อาคารติดกันที่มีจำนวนชั้นและวัสดุการก่อสร้างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ความแตกต่างทั้งทางโครงสร้างและทางวัสดุของอาคารทั้งสอง เป็นความท้าทายของการปรับปรุงอาคาร ที่ต้องผสานอาคารโครงสร้างคอนกรีต 4 ชั้น และอาคารโครงสร้างไม้ผสมคอนกรีต 2 ชั้น ให้สอดรับปรับเปลี่ยนมาบอกเล่าเรื่องราวคอนเซ็ปต์ในแบบฉบับของสถาบันพว. ด้วยภาษาและรูปลักษณ์ใหม่ทางสถาปัตยกรรมในทำนองและบริบทเดียวกันทีละน้อย ทีละน้อย

ส่วนตกแต่งด้านหน้าอาคาร หรือ Façade ด้านล่างกรุวีว่าบอร์ด ทาสีน้ำมันสีขาวกึ่งเงาของ TOA ด้านบนยึดโครงสร้างเหล็กทำสีพ่นดำผิวกึงเงาเข้ากับโครงสร้างอาคาร ปิดผิวด้วยแผ่นอะลูมิเนียมคอมโพสิทสีดำหนา 5 มม

การปรับปรุงอาคารเก่าที่มีความละเอียดอ่อนย่อมต้องอาศัยความพิถีพิถันและความชำนาญในการสะกดหาความผิดพลาด ร่องรอยของน้ำที่รั่วซึม คือสิ่งที่สถาปนิกค้นพบระหว่างการดำเนินการออกแบบไปได้ในระยะหนึ่งภายในอาคารหลังนี้ การออกแบบปรับปรุงอาคารทั้ง 4 ชั้นจึงต้องถูกแบ่งออกเป็น 2 ระยะ เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาระหว่างงานออกแบบดังกล่าวในระยะเวลาที่ยังเอื้ออำนวย

การปรับเปลี่ยนการใช้งานอาคารในชั้น 1 คือระยะที่ 1 ของขั้นตอนการออกแบบและก่อสร้างบนพื้นที่ 72 ตารางเมตร พื้นที่การใช้งานหลักของร้านหนังสือถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนต้อนรับ (Reception), ส่วนชั้นวาง (Book Shelves), และส่วนหน้าร้าน (Shop Display) การตกแต่งด้วยไม้ในโทนสีอบอุ่น ทั้งวัสดุตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ ถูกนำมาใช้เพื่อมอบความรู้สึกสบายและเป็นกันเองให้กับพื้นที่เลือกหาหนังสือภายในร้าน ตลอดทั้งพื้น ผนัง และชั้นวาง ถูกคลุมโทนด้วยไม้สีอ่อนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดทั้งห้อง หนังสือมากมายหลากหลายประเภท ทั้งหนังสือแบบเรียนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ หนังสือเสริมการเรียนรู้ หนังสือแบบฝึกหัด หนังสือเสริมทักษะ ถูกจัดวางใส่ช่องหนังสือที่ออกแบบมาในสัดส่วนแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสล้อไปกับหน้าตา Façade ภายนอกของอาคาร ความสัมพันธ์ระหว่างสัดส่วนขององค์ประกอบในงานออกแบบนี้ ได้มอบการรับรู้ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวให้กับทั้งภายนอกและภายในสถาปัตยกรรมอย่างเป็นองค์รวม

ความต่อเนื่องของวัสดุไม้ ถูกออกแบบให้มีการเชื่อมต่อสอดรับออกมาถึงบริเวณด้านนอกของอาคาร ปรากฏเป็นกรอบของทางเข้าที่กรุด้วยกระเบื้องลายไม้เป็นส่วนเชื้อเชิญผู้คนที่ผ่านไปมา ขับเน้นการใช้งานพื้นที่ภายในชั้น 1 ให้สามารถมองเห็นจากภายนอกได้เด่นชัด พื้นที่ภายในบริเวณชิดติดกระจกยังถูกออกแบบให้เป็นที่นั่งยาวต่อเนื่อง ให้นักเรียนหรือคนทั่วไปที่มาเลือกซื้อหนังสือใช้เป็นพื้นที่นั่งเพื่อเลือกอ่าน นั่งคอย หรือจับกลุ่มพูดคุย โดยยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนบนท้องถนน ผ่านผนังกระจกใสที่กั้นพื้นที่ระหว่างภายนอกและภายในไว้อย่างเบาบางได้ในขณะเดียวกัน

ด้านบนของอาคารที่ประกอบด้วยหน้ากระดาษเสมือนบนอาคารที่ถูกพลิกเปิดทุกๆ 5 องศา ไล่เรียงตามช่องอย่างเป็นระบบจากบรรทัดซ้ายล่างสู่ระดับเหนือเส้นขอบฟ้า สื่อสารความหมายผ่านความเคลื่อนไหวที่แฝงอยู่ราวกับจะพาผู้อ่านก้าวไปสู่บทถัดไปบนหน้าหนังสืออย่างไม่รู้จบ

การออกแบบส่วนตกแต่งด้านหน้าอาคาร หรือ Façade เป็นขั้นตอนในระยะที่ 2 ของการออกแบบปรับปรุงอาคารหลังนี้ เบื้องหน้าของอาคาร นอกจากวัสดุลายไม้และผนังกระจกโปร่งใสแล้ว ส่วนที่เด่นชัดที่สุดก็เห็นจะเป็นแผ่นอะลูมิเนียมสีดำบางที่ถูกจัดวางเรียงเป็นตารางอย่างมีจังหวะจะโคน ทุกๆ 5 องศาแผ่นอะลูมิเนียมจะถูกบิดตามจังหวะและตำแหน่งที่ได้ออกแบบเอาไว้แล้ว ลดทอนความทึบตันของรูปด้านอาคารสีดำเผยให้เห็นสีของท้องฟ้าเบื้องหลัง พร้อมกันนั้นก็สร้างลูกเล่นใหม่ๆ ให้กับการรับรู้เมื่อมองเข้ามาจากท้องถนน ดึงดูดสายตาด้วยเมื่อเปลี่ยนมุมมองต่ออาคารในมุมที่ต่างไป ก็จะมองเห็นอาคารด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนเดิมราวกับมีชีวิตทีเดียว

ไล่จากล่างขึ้นบนและจากซ้ายไปขวาแผ่นอะลูมิเนียมค่อยๆ เผยให้เห็นแสงและเงาของท้องฟ้าเบื้องหลังตามการหมุนของแผ่นอะลูมิเนียมอย่างมีนัยสำคัญ จังหวะที่ถูกสร้างด้วยแผ่นอะลูมิเนียมที่เบาบางนี้ ถูกหยิบยกมาจากลักษณะของการพลิกหน้ากระดาษ จากหน้าหนึ่งไปสู่อีกหน้าหนึ่ง จากบทหนึ่งไปสู่อีกบทหนึ่ง จากเล่มหนึ่งไปสู่อีกเล่มหนึ่งของนักอ่านหรือก็คือผู้คนที่ผ่านมาโดยทั่วไป คลี่คลายเป็นรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตา ด้วยจังหวะของการเคลื่อนไหวราวกับต้องการสร้างให้อาคารมีชีวิต การจับเอาระยะเวลาชั่วขณะของการอ่านหนังสือมาใช้เป็นแนวความคิดและเครื่องมือหลักในการออกแบบผิวหน้าของอาคารเช่นนี้ สร้างการรับรู้และมอบความหมายที่ทำให้อาคารหลังนี้แตกต่างไปจากอาคารแห่งอื่น และในขณะเดียวกัน ความหมายที่แฝงอยู่ในสถาปัตยกรรมที่ต้องการที่จะสร้างสิ่งจุดประกายความคิดเช่นหนังสือให้กับคนในสังคม ก็ได้ถูกสถาปนิกพลิกเผยต่อผู้คนที่ผ่านไปมาให้ได้ตั้งคำถาม ถึงที่มาที่ไปของอาคารที่เป็นเหมือนแหล่งสร้างเครื่องมือความรู้ที่สำคัญต่อผู้คนในวงกว้างแห่งนี้

หากจะเปรียบร้านหนังสือ ‘พว.อินเตอร์’ เป็นหนังสือสักเล่ม นอกจากจะเป็นเล่มที่ปกสวยและอ่านสนุกจนลืมเวลาแล้ว ก็คงจะเป็นอีกเล่มที่จบด้วยตอนจบที่คาดเดาไม่ได้ เหมือนกับหน้ากระดาษบนอาคาร ที่ยังพลิกเปิดอยู่ไม่รู้จบนั่นเอง

 

เคาน์เตอร์ที่หุ้มด้วยกระจกเงาแสดงตัวกลมกลืนไปกับอินทีเรียดีไซน์

ชั้นหนังสือไม้ที่กลมกลืนไปกับ พื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเดียวกัน ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา มีการใช้กระจกกรุประดับบางส่วนของงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผนัง รอบเสา หรือเคาน์เตอร์ เพื่อให้ความรู้สึกว่าพื้นที่ดูกว้างขึ้น และทำให้พื้นที่ดูไม่น่าเบื่ออีกด้วย

ชั้นหนังสือไม้ที่กลมกลืนไปกับ พื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเดียวกัน ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา มีการใช้กระจกกรุประดับบางส่วนของงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผนัง รอบเสา หรือเคาน์เตอร์ เพื่อให้ความรู้สึกว่าพื้นที่ดูกว้างขึ้น และทำให้พื้นที่ดูไม่น่าเบื่ออีกด้วย

ชั้นหนังสือไม้ที่กลมกลืนไปกับ พื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเดียวกัน ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา มีการใช้กระจกกรุประดับบางส่วนของงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผนัง รอบเสา หรือเคาน์เตอร์ เพื่อให้ความรู้สึกว่าพื้นที่ดูกว้างขึ้น และทำให้พื้นที่ดูไม่น่าเบื่ออีกด้วย

ชั้นหนังสือไม้ที่กลมกลืนไปกับ พื้น ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเดียวกัน ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา มีการใช้กระจกกรุประดับบางส่วนของงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผนัง รอบเสา หรือเคาน์เตอร์ เพื่อให้ความรู้สึกว่าพื้นที่ดูกว้างขึ้น และทำให้พื้นที่ดูไม่น่าเบื่ออีกด้วย

Text: กรกฎ หลอดคำ
Photo: เกตน์สิรี วงศ์วาร
Architect & Interior Design: Tidtang Studio

 

Leave A Comment