LITTLE TREE OFFICE

มุมสงบสีเขียวของ ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง

Text: นวภัทร ดัสดุลย์
Photo: เปี่ยมพล จันทร์เปี่ยม

เขตปลอดสิ่งรบกวนจิตใจที่เรียกว่า ‘พื้นที่แห่งความสงบ’ คือความเหมือนที่แตกต่างระหว่างห้องทำงานกับห้องนอน ซึ่งในบางครั้ง (สำหรับบางคน) ก็ไม่สามารถแชร์พื้นที่ส่วนนี้ร่วมกันได้เสมอไป คุณวิทย์–ศิริวิทย์ ริ้วบำรุง นักจัดสวนมือทองเจ้าของบ้านสวน Little Tree เป็นอีกหนึ่งคนที่เห็นด้วยว่าควรจะแยกระหว่างโต๊ะทำงานแข็งๆ กับเตียงนุ่มๆ ออกห่างจากกันเสียดีกว่า Little Tree Office จึงถือกำเนิดขึ้นจากเหตุผลข้างต้นที่ว่าด้วยส่วนหนึ่ง รวมไปถึงอีกหลายปัจจัย เช่น เมื่อบ้านต้องถูกปรับใช้เป็นร้านอาหารในวันที่มีแขกเหรื่อเยอะ กอปรกับตัวเขาเองอดที่จะลงมาพบปะกับผู้คนไม่ได้ทุกที คงไม่ดีแน่หากทนอยู่ต่อไปแล้วไม่อาจพบกับสิ่งที่ตามหาเวลาต้องใช้ความคิด ด้วยเหตุนี้คุณวิทย์จึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะทุบผนังห้องในบ้านเพื่อต่อเติมห้องทำงาน แล้วเลือกที่จะย้ายออกมาหาความสงบโดยการเช่าตึกแถว 1 คูหา เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวสีเขียวขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Little Tree มากนักบริเวณปากซอยเทศบาล 13 (ซอยวัดอ้อมใหญ่) ติดถนนเพชรเกษม ที่สามารถเดินทางเข้า-ออกระหว่างบ้านกับออฟฟิศได้สะดวกรวดเร็ว

“ทุกเช้าก่อนออกไปไซต์งานก็แวะมาที่นี่ บางทีตอนเย็นกลับมาจากบ้านลูกค้าก็แวะเคลียร์งาน” คุณวิทย์เอ่ยกับเราอย่างนั้น ระหว่างเปิดให้เรายลโฉมมุมสงบแห่งใหม่ย่านสามพรานอย่างเป็นกันเอง “เมื่อก่อนนั่งทำงานที่ห้องกระจกริมน้ำ หลังๆ มีทีมถ่ายพรีเวดดิ้ง มีลูกค้าทานข้าว ก็ต้องเสียสละพื้นที่ตรงนั้นย้ายเข้าไปทำในห้องนอน พอทำในห้องนอนรู้สึกว่ามันไม่ค่อยได้งาน ด้วยความที่เราทำงานมันเหนื่อยอยู่แล้ว พอนั่งทำงานจริงจังได้สักพักก็หลับ

“อันดับแรกที่ใจเราคิด คืออยากปลูกต้นไม้ในนี้ เหมือนกับตอนที่เราเลือกจะทำร้าน (Little Tree) ให้เป็นอาคารเรือนกระจกเพื่อต้องการให้มีต้นไม้เข้ามา เกี่ยวข้อง” นักจัดสวนผู้ใจดีเล่าความตั้งใจพร้อมลงลึกในรายละเอียดของการตกแต่งออฟฟิศ แห่งใหม่

ติดม่านธรรมชาติที่เรียกว่า ‘ต้นไม้’ ช่วยอำพรางสายตาจากภายนอก
สำหรับออฟฟิศใหม่แห่งนี้ แม้คุณวิทย์ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่เลือกที่จะไม่ทำผนังทึบทั้งหมด เพราะอยากมองออกไปแล้วเห็นต้นไม้ จึงใช้วิธีการติดตั้งบานกระจกด้านหน้า แล้วปลูกต้นไม้ขนาดเล็กแซมหย่อมต้นมะขามเทศและต้นมะยมที่มีอยู่เดิมให้แน่นหนาขึ้น เพื่ออำพรางสายตาจากบุคคลภายนอกแต่ไม่ทำให้อึดอัดเมื่อมองออกไปจากภายใน

เจาะช่องแสงให้ต้นไม้มีชีวิต
การปลูกต้นไม้ภายในอาคารต้องคำนึงถึงเรื่องแสงสว่างเป็นสำคัญ คุณวิทย์จึงให้ช่างทำวงกบเจาะช่องแสงเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งชั้นที่ผนังด้านบนบานกระจกด้านหน้าอาคาร เพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกสามารถส่องเข้ามาทั่วถึงภายในได้มากขึ้น

เลือกไม้ใบแทนไม้ดอกสำหรับปลูกภายในอาคาร
วิธีการเลือกต้นไม้ที่จะใช้ภายในอาคารก็สำคัญเช่นเดียวกัน คุณวิทย์บอกว่าต้นไม้จำพวกไม้ดอกหลากสีสันตัดทิ้งไปจากความชอบได้เลย เพราะเมื่อต้องปลูกต้นไม้หรือประดับสวนแขวนใต้อาคารควรจะเน้นไปที่ไม้ใบเป็น หลัก อาทิ ไทรใบสัก หรือไทรใบยอ ซึ่งเป็นต้นไม้ทนร่ม, เดฟ, โฮย่า, หม้อข้าวหม้อแกงลิง และเฟิร์น ที่สามารถเลี้ยงในพื้นที่ที่ไม่ต้องการแสงแดดจัดนัก เป็นต้น หรือจะเพาะเลี้ยงต้นไม้ในกระถางกระจุกกระจิกที่สามารถดูแลรักษาได้ง่ายอย่าง เช่น แคคตัส หรือ กระบองเพชร ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมก็นับเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ

นำคุณค่าจากธรรมชาติกลับมาตกแต่งอย่างชาญฉลาด
ที่ Little Tree Office ดอกไม้แห้ง หรือกิ่งไม้ที่หักโค่นลงมาจากลำต้น ถูกหยิบมาประดับประดาพร้อมใช้ประโยชน์ได้อย่างสร้างสรรค์ สร้างบรรยากาศให้แลดูสวยงามไปอีกอารมณ์ “ทั้งสดทั้งแห้งมันก็มีประโยชน์ทั้งนั้น อยู่ที่เราเอาไปใช้มากกว่า” ชายผู้เติบโตมากับต้นไม้กล่าว

ของตกแต่งทุกชิ้นสามารถหยิบมาใช้งานได้อย่างสะดวก
นอกจากโต๊ะเก้าอี้สำหรับทำงานและเวิร์กช็อปจะถูกจัดสรรปันส่วนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของใช้กระจุกกระจิก ขวดโหล เรือนกระจกขนาดย่อม หรือ Terrarium รวมไปถึงวัสดุและอุปกรณ์ในการจัดสวน Terrarium ยังกลายมาเป็นพร็อพชั้นเยี่ยมช่วยขับให้ออฟฟิศแห่งนี้ดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น แม้แต่บานประตูที่เคยใช้ออกงานแฟร์ที่นำกลับมาพิงไว้กับผนังเฉยๆ ยังกลายเป็นของตกแต่งที่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างนับไม่ถ้วน

เติมเท็กเจอร์ให้ผนังเรียบโล่งมีเสน่ห์อย่างกลมกลืน
นอกเหนือไปจากธีมสีขาวและเทาที่เป็นโทนสีหลัก คุณวิทย์ยังเติมเท็กเจอร์ให้ผนังเรียบโล่งมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ด้วยการก่อผนังอิฐโชว์แนวแล้วทาสีแบบไม่เรียบร้อยนักลงไปอีกหนึ่งชั้น พร้อมติดกรอบรูปเป็นจุดดึงดูดสายตา ส่วนบริเวณมุมโต๊ะคอมพิวเตอร์ใต้ชั้นลอย คุณวิทย์กรุผนังด้วยเปลือกไม้เก่าที่ได้มาจากร้านขายดอกไม้ย่านปากคลองตลาด ซึ่งวิธีนี้ช่วยเพิ่มเสน่ห์เฉพาะตัวลงไปบนผิวผนังเรียบโล่งแสนธรรมดาให้ดูดี ขึ้นได้ไม่น้อย ทั้งยังช่วยสร้างบรรยาศให้มีความกลมกลืนไปกับต้นไม้นานาชนิดและของตกแต่งโดย รวมทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

“เวลาอยู่กับต้นไม้แล้วรู้สึกผ่อนคลาย” นักจัดสวนผู้ใจดีทิ้งท้ายด้วยประโยคบอกเล่าซึ่งสะท้อนให้เห็นความรักที่เขามีให้กับธรรมชาติ และความผูกพันที่มีต่อต้นไม้ ออฟฟิศใหม่ของคุณวิทย์ไม่เพียงพบได้กับความสงบเงียบเท่านั้น แต่ยังสัมผัสได้ถึงชีวิตประหนึ่ง ‘ต้นไม้ขาดน้ำแล้วแห้งเหี่ยวปานใด ชายคนนี้ขาดต้นไม้ก็คงห่อเหี่ยวใจปานนั้น’ เพราะเรารู้สึกได้แบบประโยคสุดท้ายจริงๆ