DRACULA’S ROOM
ห้องลึกลับของแดร็กคูล่าเจ้าสำราญ
Text: นวภัทร ดัสดุลย์, ปาริสา โพธิ์ศรี
Photo: เปี่ยมพล จันทร์เปี่ยม
Qwner: ดร.นพพร เรืองวานิช
Design: ฐิตารีย์ อ่องแสงคุณ
Daybeds กดรหัสผ่านประตูนิรภัยเข้าสู่ภายในห้องคอนโดมิเนียมแบบดูเพล็กซ์ ขนาด 136 ตารางเมตรของ ดร.นพพร เรืองวานิช ผู้อำนวยการหลักสูตรควบตรี-โท ทางการบัญชีและบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ผสานความขรึมเข้มราวกับห้องแดร็กคูล่าอย่างไรอย่างนั้นเข้าด้วยกันกับความหรูหราและคลาสสิก ที่เผยโฉมให้เห็นอยู่ในทุกอณูของห้องอย่างลงตัว อาจกล่าวได้ว่าห้องนี้ตกแต่งโดยสะท้อนไลฟ์สไตล์เจ้าของห้องก็ไม่ผิดนัก
ด้วยภาระหน้าที่ด้านการสอน การทำรีเสิร์ช และคอนเซาท์ รวมถึงทำเทรนนิ่งให้กับธุรกิจธนาคาร ซึ่งต้องอยู่กับเรื่องการให้ความรู้เสียเป็นส่วนใหญ่ ช่วงเวลาที่เหลือหลังจากการทำงานที่เคร่งเครียด ดร.นพพร มักใช้ชีวิตผ่อนคลายไปกับการสังสรรค์ดื่มด่ำแสงสี ห้องนี้จึงถูกออกแบบสำหรับการจัดปาร์ตี้เหมือนไนท์คลับส่วนตัวที่ไม่เน้นทำครัวแต่เน้นพื้นที่สำหรับรองรับคนได้จำนวนมาก ตกแต่งใหม่ทั้งหมดจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้เห็น หรือสามารถจินตนาการได้เลยว่าห้องนี้เดิมแล้วหน้าตาเป็นอย่างไร
“ไอเดียส่วนหนึ่งคืออยากให้เหมือนบาร์ เป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ ห้องนี้มันตอบโจทย์ความเป็นเรา เวลาเราทำงานจะค่อนข้างเครียด พอวันศุกร์-เสาร์ก็จะปลดปล่อยเลยเพราะมันสะสมมา ผมเป็นคนดื่มเยอะมาก การดูแลตัวเองก็คือ ออกกำลังกายอย่างเดียวเลย” ดร.นพพร เล่าอีกมุมหนึ่งของชีวิตนักวิชาการ
“ห้องนี้ผมแต่งไว้สำหรับ Invest แต่ว่าแต่งแบบจัดเต็มเพราะเราอยากอยู่แบบไหนก็แต่งแบบนั้น ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะมาอยู่เองอาทิตย์หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เพราะมีคนมาเช่าไปเรียบร้อยแล้ว” ดร.นพพร เล่าเหตุผลพร้อมพาเราเดินชมห้องนั่งเล่นอันสูงโปร่งที่ตกแต่งอย่างหรูหรา “ตอนแรกที่มาคือยังไม่มีอะไรเลย เดินเข้ามาจะโล่ง ไม่มีซุ้ม ผมมาสร้างใหม่หมด ที่เรามาทำเป็นซุ้มเพราะว่าคอนเซ็ปต์ของห้องนี้ คือจะเน้น Luxury แต่ต้องเก๋ ต้องมีความเป็นแดร็กคูล่า ต้องลองนึกดูว่าแดร็กคูล่าอยู่ห้องแบบไหนก็จะนึกออกมาเป็นแบบนี้ เน้นสีดำเป็นหลัก เราก็ต้องมาคุยกับดีไซน์เนอร์ คุณเจี๊ยบ (ฐิตารีย์ อ่องแสงคุณ) เพราะผมมีไอเดียว่าผมอยากมีซุ้มเพื่อเน้นความ Luxury เขาก็จะช่วยดีไซน์มา แล้วอีกอย่างที่เน้นความ Luxury ได้ดีก็คือแชนเดอเลียร์ แล้วก็ส่วนที่เป็นผ้าม่านทั้งหมด ส่วนตัวพระเอกของห้องนี้คือโซฟาต้องเป็นสีดำ อีกอย่างที่ผมภูมิใจนำเสนอมาก คือ Artwork บนผนังเป็นรูปโบสถ์ในยุโรปซึ่งผมทำมาเป็นพิเศษ เมื่อเรามีความ Luxury ความเก๋ ก็ต้องมีความคลาสสิกก็เลยนึกถึงภาพนี้ ผมไม่อยากเรียกมันว่าเป็นวอลเปเปอร์ เพราะวอลเปเปอร์แบบนี้หาไม่ได้ ผมสั่งทำพิเศษขึ้นมาทั้งขนาดทุกอย่างเพื่อมุมนี้โดยเฉพาะ”
“ห้องนี้ถ้ามาดูตอนแรกไม่มีอะไรน่าสนใจเลย อย่างพื้นไม้แต่เดิมก็เป็นสีไม้จริง สีเหลืองอ่อนๆ ทั่วไป แต่เรามาทำให้เป็นสีนี้ บันไดวนอันนี้เป็นโครงเดิม เป็นไม้แต่เรามาทำเป็นสีดำด้าน เราลงทุนไปกับม่านเยอะมากเพราะว่าเพดานค่อนข้างสูง ห้องต้องมองว่ามันเป็นการงทุน ผมอยากอยู่แบบไหนผมแต่งแบบนั้น แล้วจะทำให้ผู้เช่าอยากมาอยู่” ซึ่งความรู้สึกที่ ดร.นพพร คิดว่าสิ่งที่ทำให้ผู้เช่าตัดสินใจมาเช่าห้องนี้หก็คือความหรูหราปแบบไม่เลอะ ไม่เยอะแต่ต้องเก๋และแดร็กคูล่าที่แต่งเหมือนป็นห้องใหม่
“สิ่งที่ทำให้ห้องนี้ออกมาเป็นแบบนี้ คือการผสมสี สีถือเป็นเรื่องสำคัญ อย่างโซฟากับอาร์มแชร์ถ้าไม่คิดอะไรก็ควรจะเป็นสีเดียวกัน แต่ผมมองว่าต้องคนละสี เพื่อไม่ให้อีกชิ้นดร็อป นี่เป็นการผสมสีที่ผมให้ความสำคัญมาก การผสมสีต้องมีรสนิยมแต่ไม่เยอะ เราเน้นความมินิมอล มีแชงเดอเลียร์เป็นพระเอกในห้อง ผมบอกคุณเจี๊ยบว่าอยากได้ยาวๆ เพราะโถงมันสูง เขาก็ไปเลือกมาให้ ส่วนครัวเมื่อก่อนก็เป็นไม้สีเหลืองแล้วก็มาทาสีขาวและใส่กรอบเข้าไป โต๊ะทานข้าวตัวนี้ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ถ้ามองที่ขาโต๊ะจะเป็นขาทองเหลืองฉลุ คือห้องจะมีรายละเอียดที่แอบอยู่ คำว่า Luxury คือทุกอย่างต้องใหญ่ ตั้งแต่ขนาดวงกบ บัว ซุ้มต้องใหญ่ ต้องถึงแม้ห้องจะเล็ก ใหญ่แต่ต้องมีรายละเอียด อีกอย่างที่อยากนำเสนอคือพรมแคชเมียร์ เป็นพรมเก่าที่ใช้แล้ว พรมพวกนี้ยิ่งเก่าจะยิ่งสวย ถ้ามาใหม่ๆ จะดูไม่มีราคา เราก็จะต้องเลือกให้พอเหมาะ คือมีความเก่าอยู่ในตัวเองถึงจะเหมาะไปด้วยกัน”
ถัดเข้ามาภายในห้องนอนชั้นล่าง หากว่าห้องนอนบนชั้น 2 ที่เรากำลังจะขึ้นไปชมต่อจากนี้เป็นห้องนอนของแดร็กคูล่า ห้องนอนชั้นล่างห้องนี้ที่ตกแต่งหวานกว่าก็เปรียบได้กับห้องนอนของแฟนแดร็กคูล่านั่นเอง ดร.นพพร บอกว่าเขาตั้งใจแต่งห้องนอนให้มีสองอารมณ์อยู่ในห้องเดียวกัน เพื่อที่เวลาเข้ามาอยู่เองแล้วเบื่อข้างบนก็ลงมานอนข้างล่าง “ห้องนี้จะเน้นความหรูหราแต่ไม่เยอะ คำว่าไม่เยอะก็คือ ผนังจะออกเป็นแนววินเทจ เป็นวอลเปเปอร์ข้างเดียวพอ บางคนทำวอลเปเปอร์จะทำหมดเลย ดูแล้วลายตา เพราะฉะนั้นมันไม่ควรเยอะ สีก็เลยเป็นสีอ่อนๆ โทนนุ่มๆ ประตูก็ทำเป็นสีดำ เดิมเป็นสีไม้เหลืองโบราณ” เขาเล่า
จากนั้นเราเดินขึ้นบนไดวนมาบนชั้น 2 หรือชั้น 10 ของคอนโดฯ ผ่านห้องเรียบโล่งที่มีโซฟาและชั้นหนังสืออยู่ตรงมุมห้องเข้าสู่ห้องนอนแดร็กคูล่า ห้องที่ได้รับการตกแต่งโดยสะท้อนความเป็นหนุ่มเจ้าสำราญแต่ลึกลับ เริ่มจากในส่วนของห้องน้ำ มีการทุบผนังเดิมที่ปิดทึบออกแล้วติดผนังกระจกใสแทนที่เพื่อเชื่อมพื้นที่เป็นส่วนเดียวกัน เตียงนอนและโคมไฟช่วยเพิ่มความหรูหรายิ่งขึ้น ส่วนผ้าม่านสีดำให้ความรู้สึกลึกลับแต่น่าค้นหา ซึ่งหากเลื่อนเปิดออกในเวลากลางคืน จะสามารถรับวิวของมหานครได้เต็มตา
“สำหรับห้องนี้ผมว่ายังไม่สุด ถ้าเป็นห้องที่ผมอยู่เอง ฝ้าจะไม่มีเหลือแล้ว จะเป็นแดร็กคูล่าอีกประเภทหนึ่ง คือจะดิบๆ ไม่เนี๊ยบเท่านี้ แต่ห้องนี้คือเราคิดถึงคนอื่นด้วย ตอนแรกเราก็สองจิตสองใจว่าจะอยู่ห้องนี้เองดีไหม เพราะห้องนี้ก็ค่อนข้างบ่งบอกความเป็นตัวเรา ถ้าดูจากการแต่งตัวของผมวันนี้ก็จะเหมาะกับห้องนี้ เพราะฉะนั้นเวลาดีไซน์ห้องก็จะดูการแต่งตัวของเราไว้ก่อน ห้องนี้จะสะท้อนลุคของผม จะเห็นความเป็นผมตั้งแต่เดินเข้ามาเลย ผมเองก็ชอบแต่งตัวโทนสีดำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยเอาห้องเป็นสีดำ ตอนแรกดีไซน์เนอร์ก็ถามว่าเรากล้าเล่นสีดำหรอ แต่งบ้านไม่มีใครกล้าทำสีดำเท่าไหร่ เราก็บอกเขาว่าดำเท่าไหร่ยิ่งดี โดยเฉพาะห้องนอน ซึ่งสีดำก็จะดูดแสงอยู่แล้ว เดินเข้ามาความรู้สึกจะปรับอารมณ์ทันที เหมือนกำลังบอกว่าเราต้องนอนแล้ว” เขาเล่า
ในความขรึมดำ ห้องลึกลับของแดร็กคูล่าเจ้าสำราญไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครคิด กลับกันยังให้ความสงบ สุขุม และมีเสน่ห์ไม่น้อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน แสงไฟสลัวเปลี่ยนห้องสีดำให้ดูมีพลังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด