DO WHAT YOU LOVE

ความสุขอยู่รอบโต๊ะ


วันนี้เรามีนัดกันที่บริษัทสถาปนิกINchan atelierหัวหมากซอยเก้า ช่วง 10 โมงเช้าแดดกำลังพาดผ่านอาคารดีไซน์ที่ดูเรียบ แต่แฝงไปด้วยบรรยากาศชวนค้นหา ไม้เลื้อยซึ่งโอบกอดตัวอาคารสูงไว้ ราวกับว่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของให้แทงยอดขึ้นไปได้อย่างอิสระรอบทิศทาง

เมื่อมองลอดผ่านประตูเข้าไป ก็ยังได้เห็นพันธุ์ไม้อีกหลากชนิด ขณะกำลังสำรวจบรรยากาศร่มรื่น คุณนนท์-อินทนนท์ จันทร์ทิพย์ ผู้เป็นเจ้าของที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงข้าวของหน้าบ้านก็ได้กล่าวต้อนรับ แล้วเชื้อเชิญให้ไปนั่งสนทนากันภายใน กับคำถามแรกที่สงสัยจึงต้องเปรยถามคุณนนท์ออกไปก่อนว่า ทำไมต้องชื่อบริษัทอินจัน

“อินจัน มาจากคำแรกของชื่อและนามสกุล ของผมเองครับ (อินทนนท์ จันทร์ทิพย์) ที่มาสำหรับวิธีการตั้งชื่อแบบนี้คงมาจากบริษัทที่ทำกับครอบครัวทั้งในกรุงเทพ และที่เชียงใหม่ อย่างเช่นชื่อบริษัทต้นสักใบจากและชื่อบริษัทบนฟ้ามีน้ำก็ใช้วิธีตั้งชื่อแบบเดียวกัน โดยที่อินจันจะเป็นสำนักงานสถาปนิก ซึ่งเมื่อเราทำงานออกแบบบ้านให้กับลูกค้า เราจะให้ความสำคัญกับการลงรายละเอียด กระทั่งเจาะลึกลงไปถึงดีเทลของงานอินทีเรียร์ด้วย บวกกับความชอบส่วนตัวของผมที่หลงใหลในธรรมชาติรอบๆ อาทิ ต้นไม้ บรรยากาศของสวน ก็เลยกลายเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนออกมาในชิ้นงานของเราครับ”

“ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปต่อวิชาชีพเมื่อเราเริ่มโตขึ้นว่าในเรื่องของตัวสถาปัตย์ หรืออาคารนั้น  แท้จริงแล้วก็มีความสำคัญเท่าๆ กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่ด้านนอก พูดง่ายๆ อาคารไม่ได้เป็นพระเอกอยู่คนเดียว เพียงแต่หน้าที่พิเศษของเขาก็คือการเชื่อมระหว่างพื้นที่ภายนอก และภายในเข้าด้วยกัน แต่เหตุผลที่ตัวอาคารมักจะได้รับความสนใจเป็นลำดับแรกเสมอ อาจจะเป็นเพราะต้องใช้วัสดุและมีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าส่วนอื่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งแวดล้อมภายนอก อย่างสวน สระน้ำ พื้นที่ว่าง สเปซรอบบ้าน วิถีชุมชนโดยรอบจะมีความสำคัญน้อยกว่า”

เมื่อได้ใช้เวลาพูดคุยกับคุณนนท์ เราสังเกตได้ถึงความสุขุม เจือความละเมียด และให้รายละเอียดในทุกคำถามของเขา ตลอดจนสัมผัสได้ว่ามีการเรียบเรียง และกลั่นกรองความคิดก่อนตอบเสมอ ทำให้อยากรู้จักคุณนนท์ในมุมที่ลึกลงไป

“ผมเป็นคนรักสถาปัตยกรรมมากครับ ถึงขั้นหมกมุ่นเลยก็ว่าได้ ทำให้เราอยากจะลงลึกไปให้ถึงแก่นของปรัชญาสถาปัตย์ประกอบกับสมัยเรียนที่มีเพื่อนๆ รอบตัว ล้วนแต่เป็นศิลปินกันหมด ยิ่งกระตุ้นให้เราอยากที่จะแสวงหาคำตอบของศิลปะกับชีวิต และค้นลงไปถึงเรื่องของปรัชญา ทำให้เราชอบทดลองทางความคิด ก็เลยเป็นที่มาที่ไปของการได้ไปเป็นอาจารย์สอน
เราได้ไปมีส่วนบ่มเพาะเชิงความคิดด้านสถาปัตยกรรมให้กับน้องๆ นักศึกษา ซึ่งช่วงนี้เองที่ทำให้เริ่มค้นพบว่า แท้จริงแล้ว
สถาปัตย์ไม่ได้เกิดมาจากแนวความคิดทางสถาปัตยกรรมเองนะครับ หากแต่ในเชิงปรัชญา ตัวสถาปัตย์เกิดจากผลผลิตของสังคม วัฒนธรรม คือมันจะมีเรื่องราวของเศรษฐกิจ ความเคลื่อนไหวของสังคมอยู่ในนั้น”

“ ประเทศไทยมีทั้งคนต่างจังหวัด-คนเมือง แตกต่างกันทั้งรวยมาก-จนมาก แม้ว่าเมื่อพูดถึงเรื่องสถาปัตยกรรม ภาพที่เห็นจะเป็นเรื่องของเมืองใหญ่มากกว่าสถาปัตยกรรมท้องถิ่น แต่ผมกลับเห็นว่าสถาปัตยกรรมท้องถิ่นก็สำคัญ เราต้องไม่ลืมว่าสถาปัตย์ไม่สามารถอยู่โดดๆ ได้ เมื่อมีด้านใน อย่างไรเสียก็ต้องมีด้านนอก การที่เราไปสถานที่ไหนมาสักแห่งแล้วรู้สึกประทับใจ ไม่ได้หมายความว่าเราจะประทับใจแค่ตัวสถาปัตย์เท่านั้น แต่อาจจะเป็นความประทับใจต่อสิ่งแวดล้อมรายรอบ เราอาจจะหลงรักในวิถีชีวิตของชุมชน ชาวบ้าน วัฒนธรรม บรรยากาศของธรรมชาติที่น่าหลงใหล หลายครั้งตัวสิ่งแวดล้อม คุณค่าของเรื่องราวเสียอีกที่ทำให้เราอยากกลับไปอีกครั้ง”

ชวนคุณนนท์คุยถึงเรื่องสบายๆ เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ ความชอบในด้านอื่นๆ ก่อนที่จะถามไปถึงเก้าอี้ตัวโปรด ก็แวะคุยกันเพลินๆ ในเรื่องดนตรี หรือเพลงที่ชอบ ซึ่งคุณนนท์ก็เปิดให้เป็นบรรยากาศระหว่างการสนทนาในวันนี้ ซึ่งคำตอบก็สะท้อนถึงตัวตนของคุณนนท์ในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน

“ถ้าเปรียบเทียบเป็นแนวเพลง ตัวตนของผมในตอนนี้ ผมน่าจะเป็นแนวดนตรีที่มีความละเมียดละไมทั้งในการอเรนจ์ และการมิกซ์ ซึ่งวงที่ผมชอบฟังอยู่ในตอนนี้คือ “วงเครื่องบิน (Khruangbin)”วงดนตรีเลือดอเมริกันแท้ที่มาหลงรักในกลิ่นอายความเป็นไทย จนได้ดนตรีแนวผสมผสานนี้ออกมา ซึ่งก็สอดคล้องกับตัวตนของเราในช่วงวัยที่ผ่านช่วงชีวิตต่างๆ มา ก็เรียกว่าค่อนข้างมีมิติครับ เช่นเดียวกัน หากเป็นเก้าอี้ แน่นอนสำคัญที่สุดก็ต้องเน้นความสบาย แต่สำหรับผมอาจจะซ่อนความซับซ้อนไว้ ผมชอบเก้าอี้ที่ซ่อนหลายๆ เลเยอร์ไว้ครับ เก้าอี้ตัวนี้ที่เราเลือกมา เกิดจากการที่ผมเอาความชอบทุกอย่างใส่เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่เป็นไม้จริง หรือรูปฟอร์มเรขาคณิต ให้ความสำคัญกับความทนทาน รองรับน้ำหนักได้”

ในบทสรุปส่งท้าย ที่เราได้จากหนุ่มสุขุมลุ่มลึกคนนี้ เมื่อถามถึงหลักในการให้ได้มาซึ่งความสุข และความสำเร็จ ซึ่งคุณนนท์บอกกับว่า ความสุขความสำเร็จที่ได้มาต้องเกิดจากการที่เราไม่โกหกตัวเองในสิ่งที่ตัวเองชอบ

“ผมเชื่อเรื่องอิทธิบาท 4 ครับ เราต้องมี ฉันทะ=เราต้องรักในสิ่งที่ทำ, จิตตะ =เอาใจไปจดจ่อกับสิ่งที่เรารัก,วิริยะ=ขยันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ, วิมังสา =ทบทวน ทำให้เห็นจุดบกพร่อง คำตอบอาจจะดูเข้าถึงยาก แต่เมื่อได้ฟังและคิดตามกลับเข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา และเป็นธรรมชาติที่ใครก็สามารถทำได้ เป็นสูตรสำเร็จที่ในชีวิตที่ผมยึดถือมาตลอดทั้งการในการทำงาน และการดำเนินชีวิต”

Leave A Comment