DISCOVER THE CHARM OF MACAU
เสน่ห์หลากมิติแห่งมาเก๊า
Text&Photo : Khanis
แม้จะมีวันหยุดในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็สามารถออกเดินทางไปเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ในต่างแดนได้ ด้วยตัวเลือกที่ใช้การเดินทางเพลินๆ เพียงไม่ถึง 3 ชั่วโมง บินลัดฟ้าข้ามน้ำทะเลสีครามสู่ “มาเก๊า” เขตบริหารพิเศษของจีนที่ผสมผสานศิลปวัฒนธรรมแห่งโลกตะวันออก และตะวันตกไว้ได้อย่างมีเสน่ห์เหลือร้าย
แม้มาเก๊าจะอู้ฟู่ในเรื่องคาสิโน ที่เหล่าโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาวต่างเปิดโซนมายานี้ไว้ให้คนกล้า(เสีย)เข้ามาท้าทายแบบตลอด 24 ชั่วโมง แต่ความหรูหราอลังการของการออกแบบนั้นก็แฝงไว้ด้วยฮวงจุ้ยดูดทรัพย์ ดังนั้นจึงขอผ่านเรื่องคาสิโนแล้วมาโชว์ความงดงามแปลกตาของสถาปัตยกรรมคลาสสิกดีกว่า เผลอๆ จะทำให้นึกว่ากำลังเดินเล่นอยู่แถวยุโรปเลยทีเดียว นี่คือผลจากการเคยตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสมายาวนาน ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 จนมาส่งคืนให้จีนเมื่อราว 18 ปีที่ผ่านมา
ถึงจะเห็นว่ามีพื้นที่เพียงแค่ 29.5 ตารางกิโลเมตร แต่มาเก๊านั้นคับคั่งไปด้วยมรดกโลกถึงกว่า 20 รายการ แบ่งเมืองออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ฝั่งเพนนินซูล่า ซึ่งอยู่ทางตอนบน เมื่อข้ามฟากลงมาจะเป็นฝั่งไทปาและโคโลอาน ซึ่งมีทั้งความอาร์ตและรสชาติอาหารอร่อยๆ โดยมีอาหารหลัก 3 แบบ คือ อาหารจีน โปรตุเกส และแมคกานีส ที่นำสูตรอาหารจีนและโปรตุเกสมาผสมผสานจนกลายเป็นเมนูลูกครึ่งรสชาติเยี่ยม
แลนด์มาร์กสำคัญที่ห้ามพลาดคือ Ruins of St. Paul’s หนึ่งในมรดกโลกที่แม้จะเป็นเพียงซากกรอบประตูโบสถ์ที่หลงเหลือจากเหตุเพลิงไหม้ซ้ำซ้อน แต่สถาปัตยกรรมที่สอดแทรกความเด่นจากหลากสัญชาติ ทั้งยุโรป จีน และญี่ปุ่น ก็ทำให้นักท่องเที่ยวต่างมุ่งหน้ามาเก็บภาพความคลาสสิก และด้านล่างยังมีรูปปั้นสำริดเป็นหญิงสาวหน้าตาแนวจีน-มาเก๊า มอบดอกบัวให้กับชายหนุ่มโปรตุเกส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรารถนาดีระหว่างสองชนชาติ ในช่วงมอบมาเก๊าคืนสู่จีน อีกทั้งยังเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับ Senado Square จัตุรัสแห่งการช้อปปิ้ง แถมยังมีตรอกที่รับรองว่าจะโดนใจคออาร์ตอย่าง Patio de Chon Sau เพราะตั้งแต่บนพื้นถนนจรดผนังกำแพง ไปยันโคมแขวนห้อยระย้าด้านบนระหว่างอาคาร คืองานศิลป์หลากดีไซน์เปี่ยมสีสันชวนสะดุดตา ขนาบด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของ แกลเลอรี
หากควงคู่คนรู้ใจมาด้วย ลองไปถ่ายรูปกันที่ Travessa da Paixao ตรอกเล็กๆ ในละแวกนั้น เป็นจุดที่คู่รักและว่าที่คู่บ่าวสาวนิยมมาถ่ายพรี-เวดดิ้ง เพราะขนาบข้างด้วยอาคารคลาสสิกสีสวยชวนโรแมนติก แล้วค่อยข้ามถนนมาเดินเล่นโซน Happiness Street กันต่อ เมื่อครั้งอดีตที่นี่เคยเป็นย่านเริงรมย์ แต่ปัจจุบันผันมาเป็นย่านท่องเที่ยวให้เดินเก็บภาพเก๋ๆ ของกลุ่มเรือนที่ยังคงกลิ่นอายแบบจีนโบราณ ทาทาบบานประตูสีแดงแบบดั้งเดิม แถมถนนที่เชื่อมต่อกันยังมีย่านรวมร้านอาหารทะเลสดอร่อยๆ ให้เลือกลิ้มรสด้วย
ข้ามมาฝั่งไทปากันบ้าง โซนอร่อยที่พลาดไม่ได้คือ Rua Do Cunha ถนนสายอาหารที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ หากเดินลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่แตกแขนง ยังจะได้พบกับอาหารตาเป็นผลงานกราฟฟิตี้เก๋ๆ บนผนังกำแพงด้วย ร้านแรกที่อยู่ริมสุดของถนนคือ Cunha Bazaar ชั้นล่างอาจมองดูเป็นร้านขายขนมของฝากทั่วไป แต่ขอแนะนำให้ขึ้นบันไดเล็กๆ มาข้างบน จะได้พบกับสินค้าเก๋ๆ จากดีไซเนอร์มาเก๊ามากมาย โดยเฉพาะ Soda Panda คาแรกเตอร์แพนด้ามาดยียวนที่ราวกับเป็นมาสคอตของมาเก๊า
ส่วนคอกาแฟที่ต้องการคาเฟอีนให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ลองเดินมาตรงเวิ้งเล็กๆ จะพบกับร้าน Quarter Square นอกจากขายงานไอเดียเท่ๆ ยังมีเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม และค็อปเปอร์ สุนัขที่เป็นเหมือนพีอาร์ประจำร้านคอยรอต้อนรับ แต่ถ้าอยากจิบกาแฟดริฟแบบเย็น ให้ตรงมาที่ Fong Da Coffee กาแฟเจ้าดังที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956
คราวนี้มาอิ่มอร่อยกับมื้อหลักกันบ้าง A Tasca Do Luis บนถนน Rua Correia da Silva คือร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูแบบโปรตุเกสดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมจากเหล่าคนดัง และมีลูกค้าประจำกลับมาฝากท้องมากมาย โดยมีวัตถุดิบหลักเป็นปลาเค็มส่งตรงจากโปรตุเกส เพิ่มความหอมและรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น แถมคุณ Luis Octávio เจ้าของร้าน ยังมีภรรยาเป็นคนไทย ที่เพิ่งเปิดร้านขายของที่ระลึกจากไทยและอาหารไทยแบบ Take Away ตั้งอยู่ใกล้กันด้วย
เมื่อถึงยามค่ำคืน ช่วงเวลาแห่งแสงสีที่ตระการตาก็ปลุกเร้าให้ความง่วงสลาย ถ้าอยากชมแสงสุดท้ายของวันพร้อมวิวแบบพาโนรามาของมาเก๊าจากมุมสูง ก็ลองไปนั่งชิงช้าสวรรค์รูปเลข 8 ที่ Studio City ส่วน The Parisian นั้นมีหอไอเฟลจำลองประดับไฟงดงาม แต่ถ้าอยากชมน้ำพุเต้นระบำ Wynn Palace นั้น เนรมิตโชว์สุดอลังการพร้อมพรั่งด้วยแสงสีเสียง ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ลองเดินทางมาสัมผัสรสชาติแห่งความสุขหลากสีสันของมาเก๊าให้ครบรส แล้วจะรู้ว่าเสน่ห์ของที่นี่มหาศาลกว่าขนาดพื้นที่หลายเท่านัก