CASA BATLLÓ / ANTONI GAUDÍ

หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของเกาดี

Text & Photo: Athi Aachawaradt

 

แม้จะเป็นแค่อาคารพักอาศัยเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่เกาดีก็ได้บรรจงออกแบบปรับปรุงหน้าตาเสียใหม่ จนอาคารหลังนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์กลางนครบาร์เซโลนา

ในบรรดาสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ของโลก อันโตนิโอ เกาดี (Antoni Gaudí) สถาปนิกชาวคาตาลันแห่งเสปนคือสุดยอดแห่งความเป็นที่สุด ผลงานออกแบบทุกชิ้นล้วนมีลายเซ็นต์ของความวิจิตรพิศดารที่มาจากจินตการอันไร้ขอบเขตของเขา ด้วยงานออกแบบสไตล์คาตาลัน โมเดิร์นนิสโม (Catalán Modernismo) ที่มีพื้นฐานมาจากสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค (Neo-Gothic) เต็มไปด้วยกลิ่นอายรูปทรงอันลื่นไหลแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau) ทำให้งานของเกาดีไม่เหมือนใครและไม่มีใครเลียนแบบได้ ผลงานที่โดดเด่นที่สุดคือมหาวิหารซากราดาฟามีเลีย (Sagrada Familia) ที่ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะเกาดีเสียชีวิตไปก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

Casa Batlló เป็นอีกหนึ่งผลงานวิจิตรของเขา แม้จะเป็นแค่อาคารพักอาศัยเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่เกาดีก็ได้บรรจงออกแบบปรับปรุงหน้าตาเสียใหม่ จนอาคารหลังนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์กลางนครบาร์เซโลนา ตัวอาคารแต่เดิมนั้นออกแบบโดย Emili Salas Cortés ซึ่งเป็นหนึ่งในอาจารย์ของเกาดีนั่นเอง ในปี คศ.1900 Josep Batlló เจ้าของธุรกิจสิ่งทอได้ซื้ออาคารนี้ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลย่านแฟชั่น Passeig de Gracia และต้องการให้อาคารหลังนี้กลายเป็นจุดเด่นเป็นที่จดจำของผู้คนทั้งเมือง ในปี คศ.1904 จึงได้ว่าจ้างให้เกาดีเป็นผู้ออกแบบปรับปรุงทั้งหมด โดยเปิดกว้างให้สามารถออกแบบได้อย่างไร้ข้อจำกัด

Facade ด้านหน้าของตึกได้อย่างแปลกตาเต็มไปด้วยจินตนาการ

เกาดีออกแบบ Facade ด้านหน้าของตึกได้อย่างแปลกตาเต็มไปด้วยจินตนาการ สามารถแบ่งลักษณะการออกแบบได้เป็น 3 ส่วน ชั้นล่างจนถึงชั้นสองใช้โครงสร้างเป็นหินทราย (Montjuïc Sandstone) ทำเป็นผนังโค้งมนลื่นไหลราวกับคลื่น มีหน้าต่างบานกระจกขนาดใหญ่เป็นเฟรมโค้งมนเช่นกัน ส่วนกลางของอาคารไปจนถึงชั้นบนสุดกรุผิวด้วยโมเสคลายกระเบื้องแตก (Trencadís) ชิ้นเล็กสารพัดสี โดยสีที่โดดเด่นที่สุดคือสีฟ้า-น้ำเงินที่มีมากถึง 5 โทน ซึ่งสื่อถึงเฉดสีอันหลากหลายของท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ละห้องจะมีระเบียงที่สร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยเหล็กหล่อทั้งชิ้นเป็นรูปทรงคล้ายส่วนของหัวกะโหลกยื่นออกมา ส่วนบนสุดที่ระดับเดียวกับชายคาทำเป็นลักษณะคล้ายมงกุฎเปรียบได้กับหน้าจั่วของตึก พื้นที่ส่วนนี้ด้านในเป็นที่เก็บแท็งค์น้ำสำหรับใช้ในอาคาร

หลังคาด้านบนนั้นมีความพิเศษที่สุด เกาดีออกแบบให้เป็นทรงโค้งคล้ายแผ่นหลังของสัตว์ขนาดใหญ่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นมังกรหรือไดโนเสาร์ ด้านขวามีช่องเจาะทะลุเป็นทรงสามเหลี่ยมสื่อถึงนัยน์ตาของเจ้าสัตว์ตัวนี้ พื้นผิวหลังคามุงด้วยกระเบื้องเซรามิกกว่า 600 แผ่น ซ้อนกันเป็นเกล็ดเหลือบสีสวยงามเริ่มจากทางด้านขวาซึ่งเป็นส่วนหัวเป็นสีเขียว แล้วไล่สีแปรเปลี่ยนไปตามแนวกระดูกสันหลังราวกับมีชีวิต จากเขียวเป็นน้ำเงิน ม่วง และจบที่แดงและชมพูที่ทางด้านซ้าย ด้านหลังของหลังคาเป็นลานดาดฟ้าซึ่งเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก อีกจุดที่น่าสนใจคือหอคอยที่ส่วนยอดทำเป็นรูปกางเขน 4 ทิศ

โครงสร้างหินทรายทำเป็นผนังโค้งมนลื่นไหลราวกับคลื่น มีหน้าต่างบานกระจกขนาดใหญ่เป็นเฟรมโค้งมนเช่นกัน

แต่ละห้องมีระเบียงที่สร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยเหล็กหล่อทั้งชิ้นเป็นรูปทรงคล้ายส่วนของหัวกะโหลกยื่นออกมา หอคอยรูปกางเขน 4 ทิศ

ส่วนกลางของอาคารจนถึงชั้นบนสุดกรุผิวด้วยโมเสคลายกระเบื้องแตก สื่อถึงเฉดสีอันหลากหลายของท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

หลังคาทรงโค้งคล้ายแผ่นหลังของสัตว์ขนาดใหญ่ และด้านหลังของหลังคาเป็นลานดาดฟ้าซึ่งเป็นจุดชมวิว

ปัจจุบัน Casa Batlló เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในราคา 21.5 ยูโร พร้อมโบชัวร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บรรจุคำบรรยายส่วนตัว เปิดทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 9.00-21.00 น. นอกจากนี้หลัง 21.00 น. ยังเปิดบริการลานชั้นดาดฟ้าพร้อมดนตรีสด อาหาร และเครื่องดื่ม เรียกได้ว่าครบวงจรเลยทีเดียว

Leave A Comment