BUSABA AYUTTHAYA
บุษบา…เรือนไทยใบหน้าโมเดิร์น
ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอยุธยาอย่างวัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ อุทยานประวัติศาสตร์ เราจะได้พบกับเรือนไทยหลังสีขาวล้วนที่โดดเด่นสะดุดตาหลังนี้ “บุษบาโฮสเทล”หรือ “บุษบาอยุธยา” (Busaba Ayutthaya) ซึ่งเจ้าของก็คือคุณมิ้งค์ พรเทพ แซ่ลี้ ที่ต้องการให้บุษบา คือตัวแทนความเป็นไทยที่ถูกนำมาตีความใหม่ โดยคงความเป็นไทยผสมผสานความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว และยังคงไว้ซึ่งแนวคิดเรื่องการจัดสรรปันส่วนพื้นที่เหมือนเรือนของคนไทยภาคกลาง (แบบเรือนหมู่) คือจะปลูกเรือนในบริเวณเดียวกัน โดยที่มีชานกลางเรือนไว้สำหรับเชื่อมตัวเรือนทั้งหมดเข้าด้วยกัน
“บุษบาโฮสเทล”นั้น แท้ที่จริงเป็นการต่อยอดมาจาก“Busaba Craft & Design” แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ก่อตั้งโดยคุณมิงค์และคุณแอนเจ้าของแบรนด์ Busabaที่มีความชอบในความเป็นไทยใกล้ตัว หยิบเอาผ้าข้าวม้า มาดัดแปลงเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่น่าใช้ อย่างกระเป๋า เสื้อผ้า พวงกุญแจและอื่นๆ อีกมาก เพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายมากขึ้น สู่การแตกไลน์กิจการใหม่ที่ยังคงเอกลักษณ์การเล่าเรื่องราวในยุคเก่าผสานกับความเป็นไทยร่วมสมัยเอาไว้กลายเป็น โรงแรมกึ่งโฮสเทลเปิดใหม่บนถนนอู่ทอง ซึ่งในส่วนของดีไซน์ซิกเนเจอร์ บุษบาโฮสเทลนี้ มีหลังคาจั่วสีขาวทรงสูงอันเป็นเอกลักษณ์ ใส่ความโมเดิร์นเข้าไปด้วยรั้วเหล็กสีขาวลายฝาปะกน ที่มาครอบตัวเรือนเดิมไว้ ไม่ใช่เพียงแค่รั้วเหล็ก ทว่า ทั้งหลังของเรือนที่ถูกเนรมิตให้เป็นสีขาว ทำให้ ที่นี่กลายเป็นเรือนไทยที่สวย สง่า มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นอกจากนี้ยังมีคุณค่าในเรื่องอายุและความเก่าแก่ เพราะเป็นบ้านเรือนไทยดั้งเดิมที่มีอายุประมาณ 50-60 ปี จึงสามารถคงไอเดียของชานกลางเรือนไว้เชื่อมเรือนทุกหลังได้ ในส่วนของห้องพักที่นี่มีรองรับทั้งหมด 8 ห้อง โดยใต้ถุนเรือนถูกดัดแปลงเป็นห้องพักแบบMix Dorm และห้องอาบน้ำรวม เมื่อเดินขึ้นไปที่ชั้นสองจะพบกับชานเรือนที่กล่าวมา เปิดให้ผู้เข้าพักออกมานั่งพักผ่อน ใช้พื้นที่ได้ตามสะดวก เมื่อไล่แบ่งห้องต่างๆ ตามโครงสร้างเรือนเดิม ก็จะแบ่งได้เป็นส่วนของเรือนนอนที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องพักแบบ Female Dorm และ Mix Dorm ต่อมาคือเรือนพ่อแม่ ถูกดัดแปลงเป็นห้องพักแบบ Deluxe จำนวน 2 ห้อง (ห้องไพรเวทเตียงเดี่ยว) โดยห้องน้ำของทั้งสองห้องนี้จะอยู่แยกออกมานอกเรือนเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ แต่พิเศษกว่าเพราะห้องน้ำห้องนี้จะถูกควบคุมโดยระบบคีย์การ์ดสำหรับลูกค้าที่เข้าพักห้องDeluxe เท่านั้น ส่วนเรือนครัวถูกพัฒนาเป็นห้อง Family Bunk Room อีกจำนวน 2 ห้อง (ห้องพักสำหรับครอบครัวเป็นเตียงสองชั้นสามารถเข้าพักได้สูงสุดถึง6 ท่าน) เมื่อลงมาจากเรือน เดินลัดเลาะไปยังสวนด้านหลัง ก็จะได้พบกับโซน Pavillion ริมน้ำ หรือคลองเมืองเก่าแก่ของอยุธยา จัดไว้ให้แขกที่เข้าพักได้รับประทานอาหาร จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ท่ามกลางบรรยากาศสงบร่มรื่น ใต้ต้นชมพู่ที่มีอายุกว่า 30ปี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนั่งเรือเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำชมวัดไชยวัฒนาราม วัดพุทธไธยสวรรค์ และวัดพนัญเชิง ตลอดจนมีบริการจักรยานให้ได้ปั่นชมตัวเมืองกันอีกด้วย
ในส่วนใต้ถุนเรือน นอกจากจะถูกดัดแปลงเป็นห้องพักส่วนหนึ่งแล้ว ยังแบ่งเป็นพื้นที่รีเซ็ปชั่น ห้องครัว ห้องน้ำ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางสำหรับแขกที่มาพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวก โทรทัศน์ เครื่องเล่นสันทนาการ คอมพิวเตอร์ ที่สามารถใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งส่วนของใต้ถุนเรือนนี้ยังเชื่อมต่อไปยังบุษบาคาเฟ่ (Busaba Cafe & Meal) ที่บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีซิกเนเจอร์อยู่ที่การใช้ความหวานของโรตีสายไหม หรือนำสายไหมอันเป็นของฝากขึ้นชื่อของอยุธยา มาใช้แทนความหวานของน้ำตาลอีกด้วย บุษบาคาเฟ่นี้ตั้งอยู่ด้านหน้าติดกับถนนสัญจรไปมา เท่ากับว่าบุษบาคาเฟ่ ก็ทำหน้าที่เป็นดั่งศาลาหน้าบ้านที่ไว้รองรับรับแขกไปใครมา และสงวนพื้นที่ตัวเรือนบุษบาที่อยู่ด้านหลัง ให้คงความสงบและเป็นส่วนตัวตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ที่แม้จะโลดแล่นอยู่ในโลกที่ไม่หยุดหมุน ขณะเดียวกันก็ยังโหยหาอดีต ความสงบ และความเป็นส่วนตัว และไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับดีไซน์และรสนิยม “บุษบาโฮสเทล หรือ บุษบาอยุธยา”แห่งนี้ น่าจะเป็นคำตอบที่ใครหลายๆ ค้นกำลังค้นหา