BETWEEN US
ระหว่างเรา สีเทาโอบสีชมพู
Text: นวภัทร ดัสดุลย์
Photo: เปี่ยมพล จันทร์เปี่ยม
Design: ธิติ อมรพัชระ
Daybeds ถือวิสาสะนำวลีทางความเชื่อแต่โบราณที่ว่า ‘คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน’ มาใช้กับบ้านเก่าและเจ้าของบ้านคนใหม่ ถึงแม้เราเองจะไม่แน่ใจว่ามันเป็นความบังเอิญ (บนความตั้งใจ) หรือพรหมลิขิตกันแน่ แต่สิ่งที่เราได้ฟังคำตอบจากปากคู่รักเจ้าของบ้านทาวน์โฮมสีเทาสอดไส้สีชมพู คลับคล้ายกับว่าพวกเขาต่างผูกพันกับการใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในละแวกนี้ไม่น้อยทีเดียว กระทั่งที่มาของการเข้าครอบครองบ้านหลังนี้เช่นกัน
ที่นี่คือบ้านรีโนเวทของ คุณตี้-มนต์ธนัช เกศมนตรี ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาอิสระ และคุณเจเน็ต-ภัณฑิลา พรหมฟัง เจ้าของแบรนด์รองเท้าผู้หญิง Madame Flamingo หากสงสัยว่าพรหมลิขิตเข้าข่ายกับบ้านหลังนี้อย่างไร ต้องย้อนเรื่องราวกับไปตั้งแต่การใช้ชีวิตและทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ย่านลาดพร้าวของคุณตี้ เขาเล่าว่า “ออฟฟิศแรกตอนทำประจำอยู่ในนี้ สมัยเด็กๆ เช่าอพาร์ทเมนต์ในนี้ พอออกจากที่แรกก็ยังอยู่แถวนี้ จนไปอยู่คอนโดเจเน็ตก็ยังอยู่แถวนี้เหมือนกัน มาซื้อบ้านก็แถวนี้เหมือนกัน”
บ้านทาวน์โฮมสีเทามีร่องรอยการรีโนเวทหน้าต่างที่แตกต่างจากบ้านอื่นๆ ส่วนใต้หลังคากันสาดผ้าใบลายขาว-ดำเป็นลานจอดรถที่มี Nissan Figaro กับ Vespa จับจองพื้นที่จนเต็มหน้าบ้าน
“บ้านหลังนี้เป็นของพี่ที่รู้จักกัน เคยมาดูไว้นาน 4-5 ปีแล้วเหมือนกัน” คุณตี้ย้อนเรื่องราว “ผมกับเจเน็ตดูแล้วชอบมากเลยพาพ่อกับแม่มาดู แต่ไม่มีใครชอบเลย เพราะมันเป็นบ้านเก่า เขาไม่เห็นภาพว่าทำออกมาแล้วจะเป็นไง เลยพักโครงการนี้ไว้ก่อน แล้วไปดูคอนโดบ้าง บ้านบ้าง จังหวะที่ไปดูแล้วไม่ถูกใจ เมื่อประมาณปีที่แล้วกลับมาดูหลังนี้อีกที พอกลับเข้ามาดูมันรู้สึกโอเค ก็เลยเอาหลังนี้แหละ”
การรีโนเวทพื้นที่ภายในทาวน์โฮมสามชั้นครึ่งได้คุณม่อน-ธิติ อมรพัชระ เจ้าของแบรนด์ Charcoal Line เพื่อนสนิทของทั้งคู่มาช่วยออกแบบงานตกแต่งภายใน ซึ่งโดยรวมยังคงเก็บรักษาโครงสร้างเดิมของบ้านหลังนี้เอาไว้ทั้งหมด เพียงแต่ปรับปรุงพื้นที่บางส่วนที่จำเป็น เช่น โถงทางเข้าชั้นล่างที่หน้าต่างบานกระจกและประตูบานเลื่อน ถูกปรับองศาเล็กน้อยเพื่อรับทิศทางลมตามหลักฮวงจุ้ย ขณะที่จุดเชื่อมระหว่างโถงทางเข้ากับส่วนรับประทานอาหารเดิมมีการยกพื้นเป็นส่วนต่างระดับชัดเจนก็ยังคงเก็บเอาไว้ เพียงแต่ประดับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้พื้นที่ไม่โล่งจนขาดความน่าสนใจ
มุมโถงทางเข้าสะดุดตาด้วยตู้เหล็กสำหรับวางรองเท้า จักรยานคันเก่งของคุณตี้ และนานาของสะสมที่นำมาตกแต่งผนังอย่างน่าสนใจ
“ให้ม่อนมาทำเพราะม่อนจะรู้ว่าผมอยากได้อะไร” คุณตี้ย้ำ “สีเดิมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ ผมชอบอยู่แล้วแหละ สีเทา ภาพในหัวมีอยู่แล้ว มันชัดครับว่าจะทำยังไง ที่จริงแล้วมันเป็นข้อดีเหมือนได้เฟรมเปล่ามาทำไรก็ทำเลย พี่เขาทำไว้ 70% ที่เหลือผมก็ลุยเลย จะทุบทำอะไรก็ไม่เสียดาย หลังนี้มันมีเรื่องฮวงจุ้ยเข้ามาเกี่ยวด้วย มันตรงทางสามแพ่ง ก็มีพี่ที่รู้จักกันเขามาดูฮวงจุ้ยให้เพราะว่าสามแพ่งมีทั้งดีและไม่ดี ลองมาดูแล้วมันเป็นสามแพ่งที่ดี พอมันดีก็ทำเยอะ สังเกตว่าหน้าต่างมันจะเอียงเป็นการเอียงเพื่อรับสิ่งที่ดี ถ้าตามหลักฮวงจุ้ยมันพาลมเข้ามา ลมคือพลังงานที่ดีเลยต้องทำประตูรับมันเข้ามา”
ภาพเพ้นต์ผนังลายนกฟลามิงโกสีชมพูเปรียบเสมือนตัวแทนของคุณเจเน็ตที่เป็นหญิงสาว โดดเด่นอย่างพอเหมาะพอเจาะกับสีผนังเทาเข้มในแบบชายหนุ่มของคุณตี้ ทำให้มุมห้องรับประทานอาหารที่มีโต๊ะไม้สักขาจักรสไตล์วินเทจ เป็นมุมเอกของบ้านหลังนี้ไปโดยปริยาย
มุมเอกมุมนี้ยังเป็นมุมที่คุณตี้และคุณเจเน็ตใช้นั่งทำงานเป็นส่วนใหญ่ เช่นกันกับเจ้าเหมียวสันติแสนซนที่มักปีนป่ายขึ้นมาคลุกคลีกับเจ้าของของมัน
เพื่อไม่ให้บ้านนี้เอนเอียงไปทางมีความเป็นผู้ชายหรือมีความเป็นผู้หญิงมากจนเกินไป คุณตี้และคุณเจเน็ตจึงตกลงพบกันครึ่งทาง โดยเลือกคุมโทนสีหลักของบ้านเป็นสีเทาเข้มอารมณ์ดิบขรึม แซมด้วยสีชมพูหวานแหววดูสดใสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะมุมเอกของบ้านในส่วนโต๊ะรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งทำงานที่มีการเพ้นต์ผนังลายนกฟลามิงโกสีชมพูที่คุณเจเน็ตชื่นชอบในคาแรกเตอร์ ซึ่งมีความเป็นผู้หญิงที่ไม่หวานเกินไป เหมือนมีอะไรน่าค้นหา และเวลาเดินยังเป็นสง่าเหมาะกับแบรนด์รองเท้า Madame Flamingo
“สังเกตว่ารวมๆ หลักๆ คลุมด้วยเทา จะมีหยอดเจเน็ตเข้าไป หยอดๆ ผู้หญิงเข้าไป ตอนแรกจะไม่มีหยอดเลยกลายเป็นบ้านผู้ชาย มันไม่ใช่บ้านที่อยู่ด้วยกัน ก็เลยอะ! เดี๋ยวหยอดของพวกนี้ให้” คุณตี้เล่ารายละเอียดภายในบ้าน “ส่วนมากจะคุยกันแล้วว่าอย่างนี้นะ ตรงนี้จะเป็นโต๊ะ ชั้นนี้จะเป็นโซฟา มันเหมือนกับว่าผมกับเจเน็ตเป็นคนชอบของเก่า แต่จะไม่ใช้เงินกับมันเยอะ ช่วงนี้อินดัสเทรียลมันฮิต มันจะแพง อเมริกา เยอรมัน อังกฤษจะแพงมาก ผมว่าไม่จำเป็น คือจริงๆ แล้วมันไม่ใช่งานดีไซเนอร์ เป็นงานโรงงาน เราแค่ชอบมัน ที่บอกว่าชอบทุกชิ้นคือทุกชิ้นไม่ใช่วันนี้เราตั้งใจซื้อชิ้นนี้ สมมุติเราจะซื้อเก้าอี้เราไปใช่ว่าจะได้กลับมาเลย ทุกชิ้นมีระยะเวลาในการหากว่าจะได้มันมา ถ้าเราบอกชอบชิ้นไหนเป็นพิเศษเราชอบทุกชิ้นแหละครับ”
เราตั้งคำถามประจำฉบับ ‘It used to be old’ ทิ้งท้ายบทสนทนากับคุณตี้ว่า อะไรเป็นเสน่ห์ของการรีโนเวทบ้านเก่า ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามาดเท่ตอบว่า “อย่างแรกผมว่าบ้านเมื่อสมัย 10 ปีก่อนวัสดุมันแข็งแรง มันไม่เหมือนบ้านทุกวันนี้มันลดต้นทุน เพื่อขายให้ได้กำไรเยอะขึ้น อิฐก็มวลเบา วัสดุโครงสร้างไม่แข็งแรง อย่างผมทำงานถ่ายให้โครงการบ้านตัวอย่าง วันหนึ่งฝนตกหนักมาก แต่ผมถ่ายข้างใน ผมว่าเฮ้ยทำไมรูปมันเข้มขึ้น ผนังมันซึมน้ำ นี่มันบ้านตัวอย่างนะ คือฝนตกหนักซึมน้ำเลยหรอ แล้วขายสามล้านกว่าทำกันแบบนี้เลยหรอ
“ที่ชอบหลังนี้คือเข้ามาชอบการเล่นระดับ ไม่ได้โมเดิร์นเกินไป หรือเก่าเกินไป สำหรับผมนะมันดูโอเค ก่อนหน้านี้ไปหลังอื่นคิดไม่ออกจะทุบยังไง จะรื้อยังไง พอมาหลังนี้มันคิดออก แล้วเข้ามาอย่างแรกลมมันเย็น ถ้าสังเกตดีๆ ผมไม่ได้ยุ่งกับโครงสร้างมันมาก ผมแค่ทำให้มันโปร่งขึ้นสบายขึ้น ผมเติมชีวิตโดยการใส่พร็อพของผมกับเจเนตเข้าไป สำหรับผมประมานนี้แหละ” คุณตี้ทิ้งท้าย
“เจเน็ตไม่ชอบบ้านใหม่ที่เขาทำมาเหมือนกันทุกหลัง ห้ามต่อเติม ห้ามแก้ไขภายในกี่ปีๆ” คุณเจเน็ตกล่าวเสริม “คือถ้าซื้อบ้านก็อยากทำให้มันเป็นสไตล์เราเองมากกว่า หรือไม่ก็สร้างใหม่ไปเลยซึ่งมันใช้เงินสูงมาก ก็เลยรู้สึกว่าอย่างบ้านนี้ลงตัว ไม่มีอะไรให้เราต้องทำมากเพราะของเดิมสวยอยู่แล้ว แล้วเจเน็ตไม่เคยอยู่บ้านเลย อยู่คอนโดมาตั้งแต่เกิด รู้สึกว่าการอยู่บ้านไม่โอเค อยู่คอนโดเราเห็นผู้คนที่อยู่ในชั้นเดียวกัน พออยู่บ้านมันเล่นระดับแล้วมีใครอยู่ข้างบนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตอนแรกก็ไม่โอเค ดูคอนโดกันไว้เยอะมาก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับมาอยู่นี่ดีกว่า คือมันเป็นอะไรที่ไม่ใหญ่มาก มันยังมองเห็นอยู่ชั้นนี้ (ชั้นล่าง) ยังเห็นชั้นนี้ (ชั้นลอย) ไม่ได้น่ากลัวมากเลยตัดสินใจมาอยู่นี่ แต่พอมาอยู่ก็รู้สึกสบายกว่าเยอะ มีสเปซให้ได้เดิน พื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า”
“ถ้าถามว่าทำไมชอบบ้านเก่า จริงๆ ไล่ไปตั้งแต่ความชอบส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นของ สังเกตดีๆ จะมีแต่ของเก่า แต่ถ้าอะไรต้องใช้งาน เช่น ตู้เย็น ทีวี เป็นของเก่าก็คงไม่เวิร์ก อย่างอื่นที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ เป็นพร็อพ ของเก่ามันมีเสน่ห์ ผมจะไม่มีของโมเดิร์นเลย ผมไม่ชอบยุคโมเดิร์น” มนต์ธนัช เกศมนตรี
มุมสีเขียวหน้าประตูทางเข้าบอกเป็นนัยๆ ว่าบ้านนี้หาใช่ดิบเท่อย่างเดียวไม่
มุมเคาน์เตอร์ครัวแบบปูนเปลือย ตกแต่งผนังด้วยการกรุกระเบื้องสีขาวตัดกับลุคขรึมเท่ของผนังสีเทาให้ดูซอฟต์ลง ทั้งยังดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วยการแขวนประดับชุดเครื่องครัวอย่างเป็นระเบียบ
มุมสีเขียวหลังบ้านจัดเป็นสวน DIY สไตล์อินดัสเทรียลขนาดย่อม
ที่ขาดไม่ได้คือนกฟลามิงโกซึ่งมาเติมเต็มให้กับบ้านดูไม่แข็งกระด้างจนเกินไป
ห้องนั่งเล่นบนชั้นลอยตั้งใจโชว์งานกะเทาะผนังที่ดูไม่เรียบร้อยนัก ผสานกับเฟอร์นิเจอร์คัสตอมเมดแบบดิบเท่ โซฟาหนัง และนานาของสะสมน้อยใหญ่ของทั้งคุณตี้และคุณเจเน็ต
ของสะสมสุดรักของทั้งคู่เรียงรายอยู่รอบห้องนั่งเล่น
ภายในห้องนอนดูเท่ไปอีกแบบเมื่อใช้ไม้พาเลทแทนเตียงเหล็ก
ขณะที่ชุดเครื่องนอนสีเทาดำก็ดูลงตัวไปกับโทนสีเทาและกระเบื้องโมเสกภายในห้องน้ำ
กล้องถ่ายรูปที่คุณตี้สะสม
เซ็ตตุ๊กตานกฟลามิงโกสุดรักของคุณเจเน็ต