ANANTARA HOI AN RESORT
รีสอร์ทสงบเงียบสไตล์โคโลเนียลริมแม่น้ำ
ในเมืองมรดกทางวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
Text : นวภัทร ดัสดุลย์
Photo : นวภัทร ดัสดุลย์, อนันตรา ฮอยอัน รีสอร์ท
Daybeds เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของรีสอร์ทหรูในเครืออนันตรามาก็หลายแห่ง แม้ในความเหมือนของการเป็นรีสอร์ทที่มักจะแทรกตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่น และมีมาตรฐานการบริการที่สร้างความประทับใจให้กันได้อยู่เสมอ แต่ลึกๆ แล้วมนต์เสน่ห์ด้านการตกแต่งและบริบทโดยรอบ นับว่ารีสอร์ทในเครืออนันตรามีรายละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ ที่ริเวอร์ไซด์กรุงเทพฯก็อีกความรู้สึกหนึ่ง ที่เชียงใหม่ก็อีกความรู้สึกหนึ่ง ที่ลายันภูเก็ตก็อีกความรู้สึกหนึ่ง หรือที่รสานันดาเกาะพะงันนั้นก็อีกความรู้สึกหนึ่ง
เช่นกันกับความรู้สึกนี้ซึ่งเราสัมผัสได้ในการเข้าพักที่อนันตราฮอยอันรีสอร์ท ที่นี่อาจไม่ได้สวยที่สุดเมื่อเทียบกับอนันตราในรายชื่อที่กล่าวไปข้างต้น ทว่าเอกลักษณ์ของผู้คนและวัฒนธรรมท้องถิ่นของอดีตเมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้สร้างเสน่ห์เฉพาะตัวให้กับอนันตราฮอยอันได้ดีไม่แพ้ที่ไหนๆ กอปรกับทำเลที่ตั้งนั้นอยู่ไม่ไกลจากย่านเมืองเก่า อันเป็นหมุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฮอยอันด้วยแล้ว ยิ่งทวีความน่าสนใจให้รีสอร์ทแห่งนี้มีเรื่องเล่าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้นไปอีก
อนันตรา ฮอยอัน รีสอร์ท ตั้งอยู่ใกล้กับย่านเมืองเก่าของฮอยอัน ห่างจากสนามบินดานังประมาณ 35 กิโลเมตร ทำเลของรีสอร์ทอยู่ริมแม่น้ำทูโบน (Thu Bon) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญเมือง อีกทั้งรีสอร์ทสงบเงียบแห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสานความเป็นเอเชียและโคโลเนียลเข้าไว้ด้วยกัน แบ่งเป็นอาคาร 2 ถึง 3 ชั้น โดยมีแมกไม้ร่มรื่นโอบกอดเอาไว้แนบแน่น ให้บริการห้องพักและห้องสวีท ทั้งในแบบวิวสวน และวิวแม่น้ำ จำนวนทั้งหมด 93 ห้อง ประกอบด้วย ห้องแบบดีลักซ์ จำนวน 20 ห้อง ห้องดีลักซ์บัลโคนี จำนวน 28 ห้อง จูเนียร์การ์เด้นวิวสวีท จำนวน 26 ห้อง อนันตราริเวอร์วิวสวีท จำนวน 1 ห้อง ดีลักซ์ริเวอร์วิวสวีท จำนวน 10 ห้อง และพรีเมียร์ริเวอร์วิวสวีท จำนวน 8 ห้อง โดยแต่ละห้องมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้อย่างชัดเจน ตกแต่งโดยมีกลิ่นอาย ของอินโดไชน่าโคโลเนียลและเวียดนาม ภายในห้องพักพื้นที่ส่วนยกสูงได้รับการจัดวางให้เป็นส่วนของเตียงนอน ต่อเนื่องไปถึงห้องน้ำซึ่งโดดเด่นด้วยผนังกระเบื้องโมเสกแบบฝรั่งเศส ในขณะพื้นที่ส่วนล่างของห้องเป็นส่วนนั่งเล่น พร้อมโซฟาขนาดใหญ่ให้ได้เอนกาย พร้อมโต๊ะทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อย่างครบครัน
ในด้านบริการ อนันตรา ฮอยอัน มีห้องอาหาร และบาร์จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ แลนเทิร์น (Lanterns) ซึ่งให้บริการอาหารเช้าแบบนานาชาติ และอาหารเวียดนามในช่วงมื้อค่ำ ริเวอร์ไซด์ คาเฟ (Riverside Cafe) ให้บริการอาหารเอเชียนและอาหารตะวันตก มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ โดยมีพื้นที่ทั้งอินดอร์ และเอาต์ดอร์ ให้ได้เลือกนั่งตามอัธยาศัย โอ มอลลียส์ ไอริช ผับ (O’ Malleys Irish Pub) ผับสไตล์ไอริชให้บริการเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมกิจกรรมสันทนาการให้ได้สนุก อาทิ โต๊ะพูล ปาเป้า พร้อมจอขนาดใหญ่สำหรับชมและเชียร์กีฬาร่วมกัน และ รีเฟลกชั่นส์ (Reflections) บาร์ริมสระว่ายน้ำซึ่งให้บริการเครื่องดื่มและเมนูทานเล่นในยามสายและช่วง บ่าย นอกจากแต่ละห้องอาหารและบาร์แล้ว ผู้ใช้บริการยังสามารถเลือกเพลิดเพลินกับอาหารมื้อค่ำสุดโรแมนติกในแบบ Dining by Design โดยสามารถเลือกเมนูอาหาร เครื่องดื่ม และสถานที่ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นริมสระน้ำ หรือล่องเรือ โดยทางรีสอร์ทจะจัดเชฟและบริกรส่วนตัวไว้คอยดูแลและบริการตลอดมื้ออาหารอีกด้วย
ด้านกิจกรรมภายในรีสอร์ท ผู้เข้าพักสามารถใช้เวลาพักผ่อนไปกับการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำใหญ่ ออกกำลังกายในฟิตเนสกลางวิวสวน ผ่อนคลายและปรนนิบัติกายและใจด้วยบริการสปา หรือกิจกรรมสันทนาการที่ผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นเวียดนาม อาทิ กิจกรรมทำอาหารเวียดนาม และทำโคมไฟสีสันสดใสซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของฮอยอัน หากผ่อนคลายกับกิจกรรมของรีสอร์ท หรือสูดโอโซนเข้าปอดจนล้นปรี่กันแล้ว ก็ไม่ควรประวิงเวลารอให้ค่ำมืดเสียก่อน ควรรีบบึ่งเข้าเมืองไปชมมรดกทางวัฒนธรรมที่ย่านเมืองเก่าอันพลุกพล่านไปด้วย ผู้คนและยานพาหะนะ และเนื่องจากระยะห่างของ อนันตรา ฮอยอัน กับย่านเมืองเก่า อยู่ไม่ไกลกันนัก ผู้เข้าพักที่ต้องการออกไปสัมผัสความงามของเมืองฮอยอัน จึงสามารถเดินเที่ยวชมเมือง หรือเลือกสนุกกับการปั่นจักรยานที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้บริการโดยไม่เสียค่า ใช้จ่าย หรือจะใช้บริการสามล้อท้องถิ่นที่เรียกว่า ‘ไซโคล’ (มีค่าใช้จ่าย) หรือหากต้องการชมความงามและชีวิตตลอดสองฝั่งแม่น้ำทูโบนยามเย็น ก็สามารถใช้บริการเรือของทางรีสอร์ท (โดยมีค่าใช้จ่าย) ได้เช่นกัน
สำหรับ นักสำรวจที่ชอบเดินเท้า ระหว่างทางจากรีสอร์ทเข้าสู่เมืองเก่าจะผ่านอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่ผสานอิทธิพลของฝรั่งเศส ดัตช์ จีน และญี่ปุ่น ไปตลอดเส้นทาง ได้เห็นวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนท้องถิ่น ร้านรวงต่างๆ ที่มีตั้งแต่ร้านนวดเพื่อสุขภาพ ร้านขายเครื่องหนัง ร้านขายผลงานศิลปะ เรื่อยไปจนถึงตลาดสด หรือ Central Market ที่ชุกชุมไปด้วยผักและผลไม้พื้นถิ่น ก่อนผ่านไปสู่ถนนคนเดิน (ที่จักรยานและรถสามล้อหรือไซโคลสามารถผ่านเข้ามาได้) ซึ่งย่านเมืองเก่านี้ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่ได้ รับการอนุรักษ์มาจนถึงปัจจุบัน โดยองค์การยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองโบราณแห่งนี้เป็นเมืองมรดกโลก เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 1999
นอกจากย่านเมืองเก่าอันมีชื่อเสียงของ ฮอยอันแล้ว นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาฮอยอันยังสามารถแวะเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่ งอื่นๆ อาทิ ปราสาทหมี่เซิน (My Son) โบราณสถานสร้างด้วยศิลปะจามซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก เขาหินอ่อน (Marble mountain) ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ยังทำอาชีพแกะสลักหินมาอย่างยาวนาน หาดอันบัง (An Bang) หาดทรายเนื้อละเอียดอันเงียบสงบ และ หมู่บ้าน Tra Que ที่มีชื่อเสียงเรื่องพืชผักสมุนไพรที่เป็นส่วนสำคัญของอาหารเวียดนาม รวมถึงในคืนพระจันทร์เต็มดวง เมืองฮอยอันจะมีเทศกาลโคมไฟซึ่งจะจัดขึ้นโดยให้เมืองทั้งเมืองปิดไฟฟ้าทุก ดวง พร้อมจุดโคมไฟสร้างแสงสีอันงดงามให้กับเมือง โดยในวันเทศกาลนี้ยังเป็นวันที่ชาวเวียดนามจะทำพิธีไหว้บรรพบุรุษ รวมถึงชาวประมงก็จะไว้ขอบคุณพระแม่คงคาอีกด้วยได้อีกด้วย
เสียงแตรในตำนานที่ใครต่อใครเลื่องลือเมื่อได้มาเยือนเวียดนามยังพอมีให้ได้ยินอยู่บ้างในฮอยอัน แต่ก็ไม่หนักเท่าในดานังหรือโฮจิมินห์ที่ดูวุ่นวายและเสียงดังมากกว่า แต่ถึงกระนั้นบนความจอแจของผู้คนมากหน้าหลายตาในฮอยอันกลับมีเสน่ห์เฉพาะตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองเก่า ผู้คนท้องถิ่น พ่อค้าแม่ขาย ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่หมุนเวียนกันมาตลอดวันอย่างไม่ขาดสาย เหมือนเป็นส่วนเติมเต็มให้สถาปัตยกรรมที่ดูเก่าแก่กลับมีชีวิตชีวาได้อย่างน่าประหลาด อาจกล่าวได้ว่าท่ามกลางความวุ่นวายนั้นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกประทับใจในความงดงามของสถาปัตยกรรม หรือความสะอาดและเป็นระเบียบที่พบเห็นเจือจางลงแต่อย่างใด กลับกันทำให้เราหลงรักบางอย่างที่สะท้อนความเป็นบ้านเมืองของเขายิ่งขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ ยกเว้นก็แต่รอยยิ้มมูลค่า 1 ดอลลาร์ที่ยังทำให้หงุดหงิดมาจนถึงทุกวันนี้ เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว…