J NO.14
โฮสเทลอินดัสเทรียลสุขดิบ
Text: ทัดจันทร์ เกตุสิงห์สร้อย
Photo: เปี่ยมพล จันทร์เปี่ยม
หากพูดถึงย่านเจริญนคร หลายคนคงคุ้นเคย หรือนึกถึงภาพของตึกทาวเฮ้าส์หลายหลังเรียงติดกันตลอดซอกซอย แต่ใครจะรู้บ้างว่า ตามหลืบที่ว่านั้นมีสถานที่ลึกลับที่สวยเฉียบ แอบหลบซ่อนเราอยู่ J.No.14 คือ โฮสเทลขนาด 10 ห้องนอนที่เดิมทีเป็นโรงเจเก่าอายุ 50 ปี ขนาด 5 ห้อง ถูกรีโนเวทกลายเป็นโฮสเทลกลิ่นอายอินดัสเทรียล ที่คุณหม่อน-ปฐวี วีระนนท์ ตั้งใจสร้างและออกแบบในทุกขั้นตอน
“ความตั้งใจแรกของเราคือทำเกสเฮ้าส์เล็กๆ เพื่อให้คนต่างชาติที่เดินทางมาประเทศเราได้พักในบรรยากาศที่เหมือนเขาอยู่บ้านเขาเอง แต่พอเริ่มออกแบบ เริ่มวางโครงสร้าง สเกลมันใหญ่ขึ้นจากเดิมเยอะ แต่ยังคงไร้คอนเซ็ปต์ เราไม่ได้ตายตัวว่าจะต้องเป็นแบบไหน ยังไง แค่ชอบในสีของอิฐ อยากนำของที่เราสะสมอย่างพวกเฟอร์นิเจอร์ หมวก หนังสือมาวาง มันเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น” ประโยคเกริ่นนำจากเจ้าของบ้าน เมื่อเราถามถึงที่มาและสไตล์การตกแต่ง
แทนที่จะใช้อิฐที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป คุณหม่อนเลือกสั่งทำอิฐขึ้นมาใหม่ด้วยเหตุผลที่ว่า “มันเลี่ยนนะผมว่า เพราะอิฐทั่วไปมันเป็นไซส์เล็ก แล้วที่ผมใช้นี่มหาศาล ก็เลยเลือกอิฐที่สั่งผลิตจากโรงงานของญาติที่อยุธยาให้เขาทำก้อนใหญ่ขึ้นหน่อย จากนั้นนำมาย้อมสี และเก็บรายละเอียดด้วยการทาสีทีละก้อนเพื่อให้ได้คอมโพสที่ดี”
Façade ก่อด้วยอิฐที่โดดเด่นเห็นแต่ไกลตั้งแต่เราเลี้ยวเข้าซอย
ที่ J no.14 นอกจากในส่วนของ Façade ก่อด้วยอิฐที่โดดเด่นเห็นแต่ไกลตั้งแต่เราเลี้ยวเข้าซอยเจริญนคร 14 แล้ว ขยับเข้ามาเราจะเจอกับโต๊ะรีเซฟชั่นหน้าบ้านที่กลายมาเป็นพรอพถ่ายรูป สะดุดตาด้วยโต๊ะตัวใหญ่กลางโถงที่ถูกต่อจากบันไดที่ช่างเคยใช้งานในไซด์ก่อสร้าง กลายเป็นโต๊ะไม้ตัวใหญ่สำหรับจัดดิสเพลย์วางของสะสมของคุณหม่อน
“เราอยากให้ที่นี่เป็นงานเอาท์ดอร์ ที่อินดอร์ ถ้าคนที่เดินเข้ามาเจอซุ้มประตู คนจะคิดว่าด้านในต้องเล็ก แต่เปล่าเลยเซอร์ไพร์สมาก เพราะมันค่อนข้างกว้าง มันไม่เหมือนงานลูกค้า ที่พอตั้งคอนเซ็ปต์แล้วทำตาม แต่เป็นการทำตามใจตัวเองซะส่วนใหญ่ อย่างบันไดวนริมห้องโถง สร้างขึ้นเพราะเราอยากได้สำหรับขึ้นชั้นลอยไปห้องอ่านหนังสือ เราดัดแปลงจากโรงเจเก่า ทุบกำแพงเดิมออก โดยทิ้งโครงสร้างเสาปูนไว้จากนั้นก่ออิฐทับ ซ่อนสายไฟและท่อแอร์ให้บรรยากาศเหมือนโกดังเก่า ที่มีต้นไม้งอกเงย เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นมูลค่าเยอะมาก บางชิ้นต้องใช้เวลารอ บางชิ้นได้มาเพราะโอกาสที่เหมาะสม และอีกหลากชิ้นถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยการออกแบบเอง”
บันไดวนริมห้องโถงสร้างขึ้นเพราะเราอยากได้สำหรับขึ้นชั้นลอยไปห้องอ่านหนังสือ
ด้วยความที่ผนังอิฐค่อนข้างหยาบและโครงสร้างเหล็ก อาจทำให้แขกที่มาพักเกิดอาการอึดอัด คุณหม่อนจึงแก้ปัญหานี้ด้วยการนำต้นไม้มาใส่แบบเต็มพิกัด และเจาะหน้าต่างบานกว้างรอบตัวอาคาร “เราอยากได้ตึกเก่าที่เป็นเรือนกระจกในตัว ให้คนที่อยู่ในบ้านรู้สึกเหมือนอยู่ Outdoor เพดานด้านบนเจาะโปร่งแสงเพราะอยากให้แสงส่องกระทบต้นไม้ด้านใน แม้จะทำให้อากาศด้านในร้อนไปนิด แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ในการสร้างสวนด้านนอก เราจึงย้ายสวนมาไว้ด้านในตัวอาคารแทน เราอยากให้ทุกอย่างโอเวอร์ไซส์หมดนะ คือถ้าต้นไม้โตจะดีใจมาก แต่ถ้าตายนี่คิดหนักเลย ก็พยายามหามาใส่เรื่อยๆ ต้นไหนที่คนขายบอกว่าอยู่ในอากาศแบบนี้ไม่ได้ แบบนั้นไม่ได้ ผมก็ลองฝืนมันดู อยากให้ต้นไม้ทุกต้นที่นี่โตไปตามธรรมชาติ ยิ่งรกยิ่งดี ยิ่งทำให้เก่าและเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้”
ระหว่างที่เราสนทนา โทรศัพท์คู่ใจของคุณหม่อนก็ดูเหมือนจะเกิดปัญหา แต่คุณหม่อนบอกกับเราว่า “จริงๆแค่เปลี่ยนจอก็หายแล้ว แต่เพราะมันเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่เราใช้มานานที่สุด เลยไม่อยากเปลี่ยน เราว่าของเก่ามันมีเสน่ห์นะ อย่างพวกตู้ไม้ โต๊ะ ดีเทลบางอย่างที่ของใหม่ไม่มี”
นี่คือโฮสเทลขนาด 10 ห้องนอน ที่แขกผู้มาพักสามารถเลือกได้ 2 ขนาดตามราคา 1,200 และ 1,500 บาท ทุกห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่คุณหม่อนรักและคัดสรรมาเป็นอย่างดี มีเซ็ตอาหารเช้าที่ปรุงสุกใหม่จากฝีมือพี่สาวคุณหม่อน และคุณแม่ที่รับหน้าที่พีอาร์คอยรับแขกสลับกับคุณพ่อ เรียกว่าอบอุ่นสมกับเป็นธุรกิจครอบครัวขนานแท้
“ที่นี่ให้อะไรกับเราเยอะ ที่แน่ๆ คือให้เราได้ทดลองทำงานจริง เราเรียนมัณฑนศิลป์จากศิลปากรก็จริง แต่เลือกเรียนเอกประติมากรรม เซรามิก ไม่ได้เรียนตกแต่งภายใน การได้ก่ออิฐเอง ผนังในห้องพักที่ดูคล้ายของเก่าเราก็เพ้นท์เอง บางทีการที่เราเรียนในตำรามามันใช้ไม่ได้ในชีวิตจริงทั้งหมด แต่การได้เรียนรู้งานจากช่างที่มีประสบการณ์มันทำให้เราได้ความรู้เยอะ ได้เรียนรู้จากเขา ทุกอย่างมันอยู่ที่องค์ประกอบนะ ถ้าองค์ประกอบดีทุกอย่างก็จบ เราว่าธุรกิจสอนให้เราโตขึ้น ทั้งเรื่องของการใช้เงิน การวางแผน ในอนาคตที่นี่จะยังคงคอนเซ็ปต์นี้แหล่ะ ที่เปลี่ยนไปคงเป็นที่เฟอร์นิเจอร์ด้วยความที่เป็นของเก่า มันค่อนข้างบอบบาง อาจต้องปรับหรือนำไปบำรุงรักษา อาจมีแพลนสร้างอีกแห่งในอนาคตด้วยคอนเซ็ปต์เชยๆ แต่ก็ยังไม่แน่นอน”
คุณหม่อน-ปฐวี วีระนนท์ กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก
หลังจากขลุกตัวอยู่ในโฮสเทลที่เต็มไปด้วยของเก่าและของเลียนเก่าแห่งนี้มานานหลายชั่วโมง การได้คุยกับคุณหม่อน เหมือนการได้ฉุกคิดถึงกาลเวลาที่หมุนวนอย่างรวดเร็วจนเราเผลอลืมบางอย่าง บางเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ บางคนที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในหยักของความทรงจำ แต่พอจะนึกออก เสียงเปียโนบรรเลงเพลง Close To You ของ Carpenters ก็ทำเราเพลินจนหลงลืมไปอีกรอบจนได้
เหมือนกับที่ J no.14 ที่จะทำให้คุณหลงลืมเวลาจนอาจเผลอตกหลุมรัก
Contact :
J.no.14 เจริญนคร 14
www.facebook.com/jno14.lodgment