BRING ME TO LIGHT

ใช้ความเศร้าสร้างมาสเตอร์พีซ

 

text : เนปาลพิษณุ
photo : ภคนันท์ เถาทอง

ทุกครั้งที่เห็นเธอคนนี้ รู้สึกเหมือนกำลังมองเห็นเจ้าหญิงแห่งรัตติกาลที่กำลังเดินออกมาจากความมืดพร้อมแสงไฟที่สาดส่อง ด้วยเสน่ห์และคาร์แรกเตอร์ในชุดดำที่อยู่ติดกายเธออยู่ตลอดเวลา “ซายน์-สุทธอร อังควาณิชย์” นักร้องนำแห่งวง 8th Floor วงร็อคที่มีกลิ่นอายโกธิกของเมืองไทย

วันนี้ซายน์มาในชุดสีดำเช่นเคย เรามีนัดพูดคุยอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ ของเธอที่น่าสนใจ รวมถึงได้ทำความรู้จักตัวตนของเธอ ว่าภายใต้ลุคสีดำนั้น ผู้หญิงคนนี้มีระดับความดาร์กที่ซ่อนไว้กี่เลเวลกันแน่

“ซายน์ เป็นคนที่มีหลายพาร์ท และหลายบุคลิกค่ะ เวลาเล่นคอนเสิร์ตอยู่บนเวทีก็จะเป็นอีกคนที่ก็จะเต็มที่ และค่อนข้างจะติสท์ๆ หน่อย แต่พอลงมาจากเวทีเราก็จะกลายเป็นนักเขียน เป็นคนทำงานในบริษัทที่ใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ถามว่าภาพจำของซายน์ในวันนี้ที่คนจำได้ ก็ต้องยอมรับว่าน่าจะเป็นซายน์ แห่งวง 8thFloor ที่จะมีความดาร์กหน่อย อาจจะเป็นด้วยสไตล์เพลงที่ค่อนข้างหม่น และดนตรีหนักหน่วง คนกลุ่มนั้นก็เติบโตมาพร้อมกับเพลงของเรา ก็จะจดจำภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างจะแตกต่างได้”

“เมื่อพูดถึงเรื่องความแตกต่าง ในแวดวงของนักร้อง หรือศิลปินด้วยกันเอง ซายน์ก็มองว่าซายน์ไม่เหมือนนักร้องคนอื่นๆ คือเมื่อจบเพลงสุดท้ายแล้ว เราก็ไม่ได้อยากใช้ชีวิตแบบ Rockstar ทั่วไปที่ชอบไปดื่ม ไปสังสรรค์เหมือนคนอื่นๆ เมื่อลงมาจากเวทีแค่ทักทายแฟนเพลง หลังจากนั้นซายน์ก็จะอยากกลับบ้านเลยค่ะ ซึ่งตรงนี้มันอาจจะสะท้อนบุคลิกอีกมิติของเราที่ค่อนข้างเก็บตัว มีโลกส่วนตัวสูง และแน่นอน บุคลิกเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นได้ชัดในคาแรกเตอร์เพลงของวง 8th Floor อย่างเพลง my gondola หรือ nesting doll หรือทุกเพลงที่ซายน์แต่ง เพราะนั่นคือซายน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องราวที่เรารู้สึก คิดและเก็บอยู่ในใจ เป็นบทเพลงที่ตั้งคำถามกับโลก สังคม ความเศร้า ซึ่งก็จะไม่ค่อยมีเพลงที่มีความสุขนัก”

อ่านมาถึงตรงนี้ บางท่านอาจตั้งคำถาม ว่าแล้วบทสัมภาษณ์นี้จะส่งประโยชน์อะไร เมื่อยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นแต่เส้นทางที่นำไปสู่ความมืดหม่น แต่ทว่า ระหว่างการสนทนา แววตาเธอกลับเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่อยากแชร์ เป็นพลังที่ดี หรือแม้แต่ทุกครั้งที่เธอกล่าวถึงความมืดหม่น เธอกลับถ่ายทอดมันออกมาด้วยพลังงานบวก

“ซายน์เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนค่ะ เคยไปหาคุณหมอตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ๆ คุณหมอสันนิษฐานว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง ซึ่งตอนนั้นก็ให้ยามาทาน ซึ่งซายน์รู้สึกว่าทานแล้วง่วงอย่างเดียว เราก็เลยคิดถามตัวเองว่า นอกจากยาแล้วจะไม่มีวิธีอื่นแก้เลยเหรอ สุดท้ายซายน์ก็เลยพาตัวเองให้เข้าไปอยู่กับดนตรี และศิลปะ พยายามทำตัวเองให้มีเป้าหมายใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งหลายคนอาจจะเถียงว่า ทำไม่ได้หรอก เพราะคนที่เป็นโรคนี้แล้วจะไม่อยากทำอะไร ซายน์อยากจะบอกว่า เราต้องเริ่มจากเปลี่ยนความคิดตรงนี้ก่อน แล้วลองออกไปเติมสิ่งใหม่ๆ ให้ชีวิต เริ่มจากการออกไปหาอะไรเรียนเพิ่มเติม ได้พบปะผู้คนใหม่ๆ ทำอะไรที่มีประโยชน์ แทนการคิดว่าวันนี้จะไปปาร์ตี้ที่ไหนดี วันนี้จะโพสท์อะไรลงในเฟสบุ้คดี มันไม่มีประโยชน์”

“สำหรับซายน์นอกจากดนตรีแล้ว ก็มีอีกพาร์ทหนึ่งในชีวิตที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้ซายน์ได้ปลดปล่อยและกำลังตกหลุมรักมัน นั่นก็คือการเป็นนักวาดภาพประกอบ ซึ่งเป็นความชอบเมื่อตอนเด็กๆ ที่เราชอบวาดรูปแนวการ์ตูนญี่ปุ่นมาก ความชอบนี้กลับมาช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกเบื่อ และอิ่มตัวไปกับทุกอย่าง มีวันหนึ่งที่ซายน์นั่งอยู่ในช้อป Blacklimited (Shop แบรนด์เสื้อผ้าของคุณซายน์) จำได้ว่านั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้แหละค่ะ เห็นกระดาษรียูส และปากกาวางอยู่บนโต๊ะ อยู่ดีๆ เราก็หยิบมันขึ้นมาวาดรูป เริ่มจากจุดนั้น ต่อมาซายน์ก็ไปฝึกฝนและลงคอร์สเรียนวาดรูป Character design ญี่ปุ่นแบบจริงจังจนจบ และสามารถต่อยอดด้วยการไปร่วมแสดงงาน ออกบูธ และล่าสุดคือซายน์ใช้ออกแบบแบรนด์เสื้อผ้า Blacklimited ของตัวเองค่ะ”

การที่เราได้เห็น ได้ชื่นชมผลงานของศิลปินสักคนหนึ่ง แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานเหล่านั้นอาจจะมาจากสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้ เรื่องราวของซายน์ แห่งวง 8th Floor น่าจะเป็นหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน เธอยังฝากบอกแฟนเพลงที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่น ว่าแม้เธอจะมีความสนใจด้านอื่นเพิ่มเข้ามา แต่ก็ยังยืนยันที่จะสร้างงานเพลงออกมาอีกเช่นเคย และเธอยังฝากข้อความถึงใครที่กำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าโดยเฉพาะอีกด้วย

“ซายน์อยากจะฝากบอกใครที่ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าว่า ไม่มีใครอยากจะเป็นโรคซึมเศร้าหรอกค่ะ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว ก็ต้องมีสติ ทุกอย่างย่อมมีทางแก้ ซึ่งซายน์เลือกถ่ายทอดความซึมเศร้าที่มันมีอยู่ในตัวเราให้ออกมาเป็นงานศิลปะชิ้นเอก เป็นบทเพลงที่จับใจ หรือเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าเดิม แล้วจะทำให้เรารักตัวเองมากขึ้นค่ะ”

Leave A Comment