THE LIGHT OF DAY
“ความสุขของแสง”
Text : Doowoper
Photo : The Jam Factory Gallery
เมื่อนักเขียนซีไรต์ จรดพู่กันวาดภาพบันทึกความงามของแสงเงาที่ตนเองพบพาน แทนการเดินเรื่องด้วยตัวหนังสือ องค์ประกอบศิลป์ในรูปแบบเฉพาะตัว กลับสื่อสารออกมาได้อย่างสละสลวย เผยเส้นสายและสีสันอันโดดเด่นมีชีวิตชีวา ไม่แพ้เทคนิคการเรียงร้อยถ้อยคำซึ่งเป็นงานถนัดของเจ้าตัว
‘อุทิศ เหมะมูล’ บุคคลสำคัญในประเทศไทย ซึ่งรู้จักกันดีในฐานะนักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2552 และนักเขียนรางวัลศิลปาธร ปี 2561 นอกจากเขาจะอุทิศตนสร้างสรรค์ผลงานทางด้านวรรณกรรมที่มีสำบัดสำนวนอันคมคายแล้ว ความสามารถอีกด้านหนึ่งของศิลปินผู้นี้นั่นก็คือ บทบาทของจิตรกรผู้หลงใหลการวาดภาพที่มีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาเช่นกัน
สำหรับนิทรรศการ ‘ความสุขของแสง’ ครั้งนี้ (จัดแสดงถึงวันที่ 26 พ.ค.62 ณ The Jam Factory Gallery)
เป็นการรวบรวมผลงานภาพวาดสีอะคริลิก 40 ผลงานมาจัดแสดง ซึ่งนำเสนอผ่านความงามในชีวิตประจำวัน จากการได้เห็นวัตถุ สถานที่ ทิวทัศน์ และเรือนร่างที่ถูกอาบไล้ด้วยแสงเงา จนก่อให้เกิดบรรยากาศเร้นลับ เย้ายวน จุดประกายให้ศิลปินได้ริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา ส่วนแสงที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้นมีทั้งแสงอาทิตย์ แสงไฟ และแสงที่มาจากวัตถุ ซึ่งเกิดจากการที่ศิลปินได้สำรวจมิติของมันด้วยตัวเอง
ทว่าสิ่งที่น่าสนใจคือ… ศิลปินต้องการสร้างอากาศภายในภาพ จึงไม่ใช้สีดำในการวาด ทั้งนี้เพื่อปล่อยให้เรื่องเล่าต่างๆ สะท้อนผ่านสีอื่นๆ แต่จะใช้เทคนิคการผสมสีให้กลายเป็นสีดำแทน ผลลัพธ์ที่ได้จึงให้โทนที่ดูไม่ทึบ ส่งผลที่ดีกว่า (ความคิดเห็นส่วนตัวของศิลปิน) แถมเจ้าตัวยังบอกว่า ขณะวาดภาพผลงานชุดนี้ยังเป็นการได้ทดลองและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน เช่น สีคู่ตรงข้ามระหว่าง ‘ส้มกับน้ำเงิน’ เมื่อผสมรวมกันจะเป็นสีตุ่นดำ ไม่กระด้าง แถมละม้ายเฉดสีแสงกับเฉดสีเงา และหากลองป้ายเฉดสีแสงลงในเงา ป้ายเฉดสีเงาลงในแสงบ้าง ยิ่งทำให้เห็นอากาศ การอยู่ร่วมกันที่กลมกลืน เพราะในเงาก็มีแสง ในแสงก็มีเงา ซึ่งถ้าลองใช้เวลานั่งดูแสงเงาสักพักก็จะเห็น
“ผลงานชุดนี้ประหลาดอยู่อย่าง ภาพแต่ละภาพมีชีวิตสองช่วงเวลาคือ… กลางวันกับกลางคืน ดูตอนกลางวันก็สว่างไสว อบอุ่น ภาพเดียวกันหากพิศมองกลางคืน ในเงามืดของภาพยิ่งเรืองออก ไม่แบน ไม่ด้าน เปิดเผยให้เห็นเรื่องราวของมันอยู่ในเงาที่ไม่ดำสนิท” (คำพูดจากศิลปินที่อยากฝากให้ผู้สนใจได้ดูภาพวาดชุดนี้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน)
สำหรับนิทรรศการครั้งนี้นับว่าเป็นผลงานเดี่ยวลำดับที่ 2 ของเขา (หลังจากห่างหายไปเกือบ 2 ปี) ซึ่งถือว่าเป็นการกลับมาให้แฟนๆ ได้ตามติดมุมมองนักเขียนในคราบของจิตรกร ผู้สร้างสรรค์ความงามผ่านฝีแปรง เทคนิค และคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใครทีเดียว