MAE HONG SON

เที่ยวไหนดี? ที่แม่ฮ่องสอน

เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบเที่ยวจังหวัดทางภาคเหนือ เพราะบ้านเกิดของตัวเองไม่มีฤดูหนาว ดังนั้น พอพูดถึงอากาศหนาวๆ หมอกจัดๆ ก็จะรู้สึกสดชื่น และเหมือนเป็นอะไรใหม่ๆ ให้น่าค้นหาขึ้นมาทันที พูดถึงเมืองหมอก แน่นอนคงไม่มีอะไรที่จะใช่! ไปกว่า “เมืองสามหมอก” หรือ “แม่ฮ่องสอนแล้ว เพราะที่นี่เขามีหมอกปกคลุมตลอดปี และนอกจากจะมีอากาศเย็นสบายแล้ว ยังเป็นจังหวัดที่เที่ยวได้สนุก เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ ต่างๆ ศิลปะ วัฒนธรรม อาหารการกิน และที่โดดเด่นมากๆ ก็คือธรรมชาติอันสมบูรณ์แบบ ทั้งภูเขาสูง ป่าไม้ ถ้ำที่สวยงาม คำถามคือ? สถานที่ท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้ สำหรับมือใหม่ควรเริ่มทำความรู้จักแม่ฮ่องสอนมุมไหนก่อนดี?

เราเริ่มต้นที่ “อำเภอปาย” ก่อนเลย เพราะกลัวจะโดนทักได้ว่า มาไม่ถึงแม่ฮ่องสอน…แล้วทำไมปายถึงยังเป็นที่นิยมอยู่ตลอด? เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะปายได้กลายเป็นแหล่งรวมตัวของหนุ่มสาว เป็นโลโก้ของความฮิปแห่งหนึ่งไปแล้ว เสน่ห์ของที่นี่น่าจะเป็นเมืองที่แฝงไปด้วยศิลปะแบบสตรีทอาร์ท พูดง่ายๆ มองไปทางไหนก็จะเห็นกับงานดีไซน์ มีงานออกแบบอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นป้ายที่พัก โรงแรม ธนาคาร ร้านรวงต่างๆ คือสามารถเลือกมุมถ่ายรูปลงไอจีได้เยอะมากในระยะไม่กี่สิบเมตร นอกจากความสวยความอาร์ทแล้ว ก็ควรได้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสถานที่สำคัญของเมืองกลับมาบ้าง เราแวะที่ “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” สะพานที่เชื่อมปายกับโลกกว้าง สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่ญี่ปุ่นมาตั้งฐานทัพอยู่ในประเทศไทย โดยกองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นเส้นทางเดินทัพลำเลียงเสบียงและอาวุธไปยังประเทศพม่า มีลักษณะคล้ายกับสะพานข้ามแม่น้ำแควของเมืองกาญจน์ที่เราคุ้นเคย อย่าลืมแชะภาพกับสะพานท่าปาย ซึ่งถือเป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่ง เดินทางต่อเราก็จะพบกับร้านกาแฟให้ได้พักจิบลิ้มลองรสชาติกาแฟหอมกรุ่นตลอดเส้นทาง นอกจากบรรยากาศความฮิปในเมือง และได้ความรู้เกี่ยวกับปายแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ให้ได้เลือกเปลี่ยนบรรยากาศ ทั้งเที่ยวแคมป์ช้าง บ่อน้ำร้อนท่าปาย หรือเดินไปชมวิวที่กองแลนแคนยอนก็แล้วแต่เพื่อนๆ จะชอบ


จากปายเราก็ขอใกล้ชิดธรรมชาติเข้าไปอีก ซึ่งไฮไลท์ของแม่ฮ่องสอนด้านธรรมชาติแห่งหนึ่งก็คือ “อำเภอปางมะผ้า” ช่วงนี้กระแสเรื่องถ้ำโดดเด่นล้ำหน้า เราเลยเลือกมุ่งตรงไปที่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่าง “ถ้ำลอด” หรือ “ถ้ำน้ำลอด” ซึ่งก็ได้ความตื่นตาสมใจ เพราะวิธีการสำรวจนั้นก็คือการนั่งบนแพไม้ พร้อมถือตะเกียงอยู่ในมือ โดยจะมีไกด์ท้องถิ่นที่พาเราล่องไปตามกระแสน้ำที่ลอดผ่านถ้ำหินขนาดใหญ่เพื่อสำรวจให้ครบห้องโถงใหญ่ 3 ห้องของถ้ำ ป้ายแรกที่มาถึงก็คือ “ถ้ำเสาหิน” ที่ส่องแสงประกายระยิบระยับ แวววับกระทบสายตา จากหินรูปร่างคล้ายม่านหรือเหมือนสายน้ำตกที่ถูกฟรีซแช่แข็งเอาไว้ จนถูกเรียกว่าเป็น “ม่านหินย้อย” หรือ “หินกากเพชร” สวยงามเกินคำบรรยาย ภายในมีเสาหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางถ้ำ เปรียบเสมือนเสาหินที่ค้ำเพดานและพื้นถ้ำเอาไว้ ต่อมาคือ ถ้ำตุ๊กตา ภายในจะพบกับหินงอกคล้ายตุ๊กตาเรียงรายอยู่ และถ้ำสุดท้าย ถ้ำผีแมน นอกจากมีหินที่สวยงามแล้ว ก็ยังแอบน่ากลัวนิดๆ เพราะที่นี่มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้หิน กระดูก และโลงผีแมน ใช่แล้ว! โลงก็คือโลงศพมนุษย์ในยุคโบราณ บรรพบุรุษของมนุษย์ในยุค 2018 อย่างพวกเรานี่ล่ะ


  เที่ยวไปเที่ยวมาเรารู้สึกว่ายังขาดอีกฟีลหนึ่ง นั่นก็คือยังไม่ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตพบปะผู้คนที่วัฒนธรรมแปลกออกไป เลยตัดสินใจตะลอนต่อไปยัง “บ้านรักไทย” ชื่อว่าบ้านรักไทยแต่พอเข้าไปเรากลับได้พบกับชาวจีนซะอย่างนั้น อันที่จริงที่นี่เป็นการรวมตัวกันของชาวจีนยูนนานพักอาศัยอยู่ในบ้านดินตามบรรพบุรุษ อาชีพหลักคือปลูกชาขายให้กับนักท่องเที่ยวได้จิบร้อนๆ ดับหนาวกัน จิบชาร้อนๆ แล้ว ก็อย่าลืมลองอาหารจีนยูนนาน ซึ่งเมนูแนะนำก็ได้แก่ “หมั่นโถว” หนานุ่มเนื้อฟูแบบต้นตำรับที่เห็นในหนังจีนนั่นล่ะ อีกจานที่ต้องลองก็คือ “ขาหมูยูนนาน” น้ำซุปเข้มข้น และเนื้อหมูที่ผ่านการต้มจนเปื่อย เนื้อนุ่มชุ่มลิ้น ขาดไม่ได้เมื่อมาที่นี่นั่นคือการเก็บภาพวิว “แลนด์สเคป” หรือถ้าเรียกให้ถูกก็ต้องเรียกว่า “ฮิลสเคป” ภาพหมู่บ้านบนไหล่เขาตัดสลับกับไร่ชาที่เรียงตัวลดหลั่น ก็เป็นอีกภาพจำที่สวยงามของที่นี่


 ปิดท้ายกับสิ่งที่คาใจ เพราะเราเคยได้เห็นภาพถ่ายที่สวยสะกดใจของ “ปางอุ๋ง” สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งของแม่ฮ่องสอน เลยตัดสินใจเลือกให้เป็นอีกจุดหมายปลายทางในทริปนี้ ซึ่งเมื่อได้ไปสัมผัสกับตาตัวเองแล้ว ความสวยงามและความโรแมนติก ไม่ได้แตกต่างจากภาพที่จินตนาการไว้เลย เรื่องอากาศนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะเย็นสบายชวนพักผ่อนอยู่แล้ว สภาพภูมิประเทศอันเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน ไม่ผิดอย่างที่เคยได้ยินคำชื่นชมและยกให้ที่นี่เป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” เราใช้เวลาไปกับการปล่อยให้เวลาไหลเอื่อยไปตรงหน้า นานๆ ทีที่จะได้ตื่นมาท่ามกลางทะเลสาบที่ล้อมรอบไปด้วยป่าสน และดอกไม้เมืองหนาว อากาศที่เย็นสบาย มีหมอกลอยอยู่เหนือน้ำ เวลาในการจิบกาแฟร้อนๆ ของเราในเช้านี้จึงเนิ่นนาน “ต่อนยอน ต๊ะต่อนยอน” เป็นพิเศษ

 

Leave A Comment