GALLERY OF LIFE

เรื่องเล่าของชีวิตและงาน

สำหรับเจ้าของบ้านแล้ว บ้านก็เป็นเหมือนผืนแคนวาสที่เติมแต่งระบายความชอบและวาดความฝันของตนลงไป โดยเฉพาะกับเจ้าของบ้านผู้อยู่ในสายงานสร้างสรรค์อย่างคุณฟีน-อนุรักษ์ ฆ้องวงษ์ มัณฑนากรชื่อดังผู้มีผลงานการออกแบบสไตล์คลาสสิกที่มีรายละเอียดเฉพาะตัว บ้านหลังนี้ของคุณฟีนออกแบบขึ้นเป็น Pheen Studionโฮมออฟฟิศสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกในบรรยากาศขาวกระจ่างราวกับกระดาษแผ่นขาวที่พร้อมสำหรับจินตนาการอันโลดแล่น

“ปกติเป็นคนทำงานมีดีเทลยุ่บยั่บ จึงอยากให้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสีขาวหมดเลย พื้นที่สีขาวทำให้หัวสมองเราโล่ง และคิดงานใหม่ๆ ออกมาได้ตลอด ถ้าอยู่กับสีเยอะๆ มันก็แน่นไป สีขาวนี้เปรียบเหมือนกระดาษที่ค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่สเก็ตช์จากชั้น 1 ขึ้นมา พอถึงชั้น 2 และชั้น 3 ก็เป็นงาน 3D เป็นการบอกเล่าตัวตนและผลงานของเราเมื่อเดินขึ้นมาเรื่อยๆ”

เมื่อแนวคิดหลักของคุณฟีนต้องการแต่งแต้มตัวตนบนกระดาษขาว ผนังเพดานทั้งหมดจึงเป็นสีขาวล้วน และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเพื่อความเบาสบายยิ่งขึ้น การผสมผสานระหว่างสไตล์โมเดิร์นและคลาสสิกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคุณฟีน ก็เห็นได้จากการจัดวางเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นและวินเทจผสานกันในจังหวะลงตัว เช่น โถงต้อนรับที่ชั้น 1 นั้น เลือกใช้ชุดรับแขกที่มีความเป็นโมเดิร์นผสมเรโทรนิดๆ กับแชนเดอเลียร์คริสตัลแบบคลาสสิกสุดๆ ในขณะที่เลือกใช้กระเบื้องลายไม้สีเทา ซึ่งให้บรรยากาศทันสมัยดูเป็นสำนักงานยิ่งขึ้นมาใช้แทนสีโอ๊กที่ดูเป็นบ้านมากกว่า

ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่ต้อนรับแบบเป็นกันเองติดกับแพนทรี โต๊ะหินอ่อนซึ่งเจียบางดูไม่หนาหนัก ในรูปทรงที่ดูทันสมัย เมื่อแขวนโคมไฟแบบโมร็อกโกเข้ากับชั้นวางของโบราณมุมนี้จึงดูอบอุ่นน่านั่ง ประกอบกับสวนเล็กๆ หลังบ้าน ที่คุณฟีนออกแบบให้ดูเป็นอังกฤษนิดๆ ปลูกต้นไม้ง่ายๆ เติบโตตามธรรมชาติไม่จัดแต่งอะไรมาก แต่ก่อกระบะปูนสีดำที่มีความสูงต่ำไม่เท่ากัน เมื่อมารวมกับความเข้มอ่อนของใบไม้ก็ทำให้สวนดูมีจังหวะมากขึ้น และสีดำของกระบะยังตัดขับให้สีสันของธรรมชาติดูสด และทำให้สวนเล็กดูลึกราวกับว่ามีต้นไม้เยอะอีกด้วย

เมื่อเดินขึ้นไปชั้นบน ระหว่างทางตรงโถงบันได คุณฟีนได้จัดวางภาพผลงานการออกแบบไปตลอด โดยเริ่มจากชั้น 1 ซึ่งเป็นสเก็ตช์ทำให้เห็นกระบวนการเริ่มต้น ขึ้นไปที่ชั้น 2 และชั้น 3 ก็เป็นผลงานที่เป็น 3D ซึ่งใกล้เคียงกับงานก่อสร้างจริงมากที่สุด การจัดวางนี้เป็นเหมือนการเล่าเรื่องกระบวนการทำงานให้แก่ผู้มาเยือนได้รับรู้ และตั้งใจให้ที่นี่ดูเหมือนกับแกลเลอรีแสดงงานศิลปะอันบ่งบอกตัวตนของศิลปินด้วย

ชั้น 2 คือส่วนออฟฟิศ ซึ่งออกให้ให้ดูเหมือนบ้านมากกว่าที่ทำงานทั่วไป เน้นการเจาะช่องเปิดให้แสงธรรมชาติส่องผ่านสว่างทั่วตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงด้านหลัง แสงธรรมชาติสำคัญกับมัณฑนากรและเหล่านักออกแบบมาก เพราะการดูสีสันและวัสดุก็ต้องดูกับแสงธรรมชาติเพื่อไม่ให้สีผิดเพี้ยนไปจากความจริง การกั้นพื้นที่จึงเลือกใช้กระจกใสกรุกรอบเหล็กพ่นอบสีขาว เพื่อให้ดูโปร่ง กั้นการใช้งานเป็นสัดส่วน แต่ยังคงดูเชื่อมต่อถึงกัน พื้นที่ทำงานนี้ยังมีมุมเล็กๆ สำหรับคุยงาน ใกล้กับตู้เก็บตัวอย่างวัสดุซึ่งตัดทอนเส้นสายของการแบ่งลายแบบลูกฟักให้เกลี้ยงเกลาขึ้น นี่เป็นอีกองค์ประกอบในรายละเอียดซึ่งแสดงถึงการผสมผสานการใช้ของเก่ามาสู่ของใหม่ได้อย่างดี

ห้องทำงานส่วนตัวของคุณฟีน และห้องประชุมอยู่บนชั้น 3 ซึ่งใช้การออกแบบต่อเนื่องขึ้นมาจากชั้น 2 แสงจากหน้าต่างบานโตด้านหน้าซึ่งถูกกรองให้ลดความจ้าลง ดูสบายตาด้วยแนวต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมระเบียง แสงธรรมชาติส่องผ่านกระจกบานใสซึ่งใช้กั้นพื้นที่ ทำให้ทั่วทั้งชั้นสว่างไสวโดยไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน ช่วงหน้าหนาวที่นี่อากาศดีมาก สามารถเปิดหน้าต่างให้ลมพัดผ่านไปถึงหลังบ้านเย็นสบายแบบไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเลย มุมหนึ่งของห้องทำงานตั้งโต๊ะเขียนแบบไม้ดีไซน์เก๋ไว้ ซึ่งคุณฟีนยังคงเขียนแบบด้วยมือในทุกงาน ความที่เติบโตมาในรอยต่อระหว่างงานออกแบบที่สร้างด้วยมือล้วนๆ และงานคอมพิวเตอร์ คุณฟีนเลือกรักษาพื้นฐานไว้อย่างเหนียวแน่น ในขณะที่ก็ตอบรับกับเทคโนโลยี โดยใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาในขั้นตอนการสร้างภาพ 3 มิติและการนำเสนอผลงาน

จะเห็นว่าภาพตกแต่งในโฮมออฟฟิศแห่งนี้ล้วนเป็นภาพจากผลงานของบริษัทของคุณฟีนทั้งสิ้น มีทั้งงานออกแบบและภาพถ่ายเจาะดีเทลซึ่งเป็นงานสไตล์คลาสสิก แต่นำมาจับมุมมองให้ดูทันสมัยขึ้น การตกแต่งในบ้านหลังนี้คือโปรไฟล์ของคุณฟีนซึ่งช่วยสร้างบทสนทนากับผู้มาเยือน คุณฟีนแปรแนวคิดนี้ออกมาเป็นการใช้งานในมุมต่างๆ ตั้งใจให้ทุกมุมอยู่ภายใต้ความสุข ทำให้เขาสามารถนั่งทำงานได้อย่างผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ และสามารถคิดงานที่มีอัตลักษณ์ให้กับทุกชิ้นงาน ด้วยการสร้างบรรยากาศที่หลีกหนีจากความเป็นตึกสำนักงาน แต่แสนสบายราวกับอยู่ในบ้านที่อบอุ่น