THE CLIFF AT THE RIVER / TRIMODE STUDIO


CAVE ON 48th CLIFF
ถ้ำบนหน้าผาชั้นที่ 48

เมื่อสองในสามกำลังสำคัญแห่ง Trimode Studio อย่าง คุณนิ-ชินภานุ อธิชาธนบดี และ คุณหยก-ภารดี เสนีวงศ์ ณ อยุธยา วางแผนก่อสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นบนที่ดินด้านหน้าออฟฟิศย่านเจริญกรุง ทั้งคู่จึงมองหาบ้านสำหรับเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวในระหว่างกระบวนการก่อสร้างดำเนินอยู่ โจทย์ที่พวกเขาตั้งเอาไว้จึงเป็นคอนโดมิเนียมมือสองขนาด 1 ห้องนอน สำหรับ 2 ชีวิต อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศเพื่อการเดินทางที่สะดวก และเมื่อกระบวนการก่อสร้างบ้านหลังใหม่แล้วเสร็จ ห้องนั้นยังสามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อให้กับเจ้าของใหม่ได้ ซึ่งเปรียบเสมือนการซื้อไว้สำหรับอาศัยและเป็นการลงทุนไปพร้อมกันในตัว

“ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ชั่วคราว แต่ชั่วคราวนานหน่อย เพราะเราอยากคิดบ้านนานๆ แล้วค่อยๆ ทำไป” คุณนิบอกกับเราแบบนั้น ในขณะที่คุณหยกเสริมว่า “คงอยู่ที่นี่สัก 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย’

ดีไซเนอร์หนุ่มเล่าว่าพวกเขารู้สึกคุ้นเคยกับชีวิตริมฝั่งเจริญกรุงและเจริญนคร มากกว่าที่จะย้ายเข้าไปอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งภายหลังจากทั้งคู่ตระเวนดูคอนโดมิเนียมติดริมแม่น้ำมาหลายแห่ง ก็มาลงตัวที่โครงการ The River โดยเป็นห้องพักขนาด 63 ตารางเมตร ทางฝั่งอาคารด้านทิศใต้ ตั้งอยู่บนชั้น 48 ที่่สามารถมองเห็นวิวของมหานครสองฝั่งย่านที่พวกเขาคุ้ยเคยโดยไร้สิ่งบดบังสายตา และวิวคุ้งน้ำเจ้าพระยามุมนี้เองก็เป็นจุดเริ่มต้นในการตัดสินใจเลือกย้ายมาใช้ชีวิต ภายในห้องขนาดกะทัดรัดที่พวกเขานิยามมันว่าเป็น ‘ถ้ำบนหน้าผา’

“เรามาแพ้ความสูงตอนผมมาดูวิวช่วงกลางคืน ฝั่งนี้มันค่อนข้างเคลียร์สายตาและกลางคืนมันจะสวยไปอีกแบบหนึ่ง” คุณนิให้เหตุผลขณะพาเราออกไปยืนชมวิวริมระเบียง พร้อมยังบอกต่ออีกว่านอกจากวิวเมืองที่สวยงามและทำเลที่เหมาะสม อีกจุดประสงค์หนึ่งคือการได้ออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำจึงตัดสินใจมาอยู่ที่นี่

สำหรับถ้ำแห่งการพักผ่อนนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมื่อครั้งที่คุณนิและคุณหยกมีโอกาสได้ไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี จึงนำเอาความเป็นธรรมชาติที่ประทับใจขึ้นมาอยู่บนห้องที่เปรียบดั่งถ้ำบนผาสูง โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่เบื้องล่างของเหวลึก พร้อมกำหนดกรอบของโทนสี แสงไฟ และวัสดุตกแต่งให้เอื้อสำหรับการใช้ชีวิตมากที่สุด

“ถ้าไม่พูดว่าเป็นถ้ำตั้งแต่แรก การแทนค่าของวัสดุต่างๆ มันอาจจะเปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบ แต่พอคอนเซ็ปต์ที่เราวางไว้คือการพักผ่อนบวกกับความเป็นธรรมชาติ การเชื่อมโยงความสูง วัสดุที่ใช้ ต้นไม้ที่ปลูก ทุกอย่างมันจึงหลอมรวมให้เราเดินมาตามแนวคอนเซ็ปต์นี้”

“เวลาเข้ามาภายในห้อง ถ้าสายตาของเรามองเห็นภาพรวมทั้งหมดแล้วเข้าใจมันในทีเดียวจบ ความเล็กมันจะเป็นความไม่น่าสนใจ แต่เมื่อเราเริ่มแบ่งพื้นที่ก็จะเกิดการมองที่มีมิติเพิ่มขึ้น”

ชินภานุ อธิชาธนบดี

 

เคาน์เตอร์ครัวเดิมเพิ่มเติมคือสไตล์ จากท็อปหินอ่อน Rosso Levanto และการกรุหน้าบานของตู้ด้วยวีเนียร์หิน (Stone Veneer) กลมกลืนไปกับงานฉาบผนัง Armourcoat ที่เผยให้เห็นผิวสัมผัสคล้ายผนังถ้ำจากรอยการปาดเกรียงของช่างฝีมือ อีกทั้งยังช่วยสร้างเงาสะท้อนทำให้ห้องดูกว้างขึ้นและให้สัมผัสที่เย็น สร้างบรรยากาศให้น่าอยู่เสมือนถ้ำที่มีชีวิตชีวา

ภาพสะท้อนจากผนังกรุกระจกเงาบริเวณปากประตูทางเข้าช่วยสร้างความรู้สึกให้ห้องดูกว้างขึ้นมาทันตา

ตู้เก็บของสองฟังก์ชัน เป็นทั้งชั้นวางของและทำหน้าที่เป็นฉากกั้นแบ่งมุมนั่งเล่นออกจากโต๊ะรับประทานอาหารอย่างเป็นสัดส่วน

มุมรับประทานอาหารจัดวางโต๊ะจากแบรนด์ Habitat ที่นำกลับมาทาสีใหม่เพื่อคุมโทนไปในทิศทางเดียวกับบรรยากาศของห้อง ร่วมกับ Core Chair เก้าอี้ที่ Trimode Studio ออกแบบร่วมกับ Corner43 ส่วนตู้ลิ้นชักซึ่งทำหน้าที่แบ่งสเปซระหว่างมุมนั่งเล่นกับครัวออกแบบกันเอง นำมาจากบ้านเก่า กรุท็อปใหม่ด้วยหินอ่อน หน้าบานลิ้นชักทำจากหนังเก่าซึ่งมีลวดลายคล้ายกับก้อนเมฆ ถึงแม้จะเป็นหนังสีซีดและเสื่อมคุณภาพแล้ว แต่ทั้งคู่กลับชอบในเสน่ห์และความงามของมัน

Monotone คือโทนสีที่ทั้งคู่นำมาใช้ออกแบบบรรยากาศในภาพรวมของห้องให้มีความสุขุม รู้สึกสงบ และเหมาะสำหรับการพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดกับการทำงานมาตลอดวัน แต่คุณนิมองว่าการที่ห้องมีสีเข้มขรึมเกินไปก็อาจทำให้บรรยากาศของการพักผ่อนเกิดความแห้งเหี่ยวซีดเซียวขึ้นมาได้เช่นกัน ดังนั้นหากสังเกตตามมุมต่างๆ ภายในห้องจะมีการแทรกเอาสีสันความสดเพิ่มเติมลงไปในบางจุด เช่น สีแดงของหินอ่อน Rosso Levanto บริเวณท็อปเคาน์เตอร์ครัวและหัวเตียง โคมไฟและหมอนอิงสีแดงภายในห้องนอน ตลอดจนเก้าอี้้สตูลหุ้มเบาะหนังในมุมห้องนั่งเล่นที่ได้มาจากโมร็อกโก เป็นต้น

ส่วนด้านการออกแบบแสงสว่างภายในห้อง คุณนิยังเลือกอุณหภูมิสีของแสงไฟอยู่ในระดับ 4,000-5,000 เคลวิน ซึ่งเป็นสีโทนเย็นที่เหมาะสมกับห้องสีเทาและเป็นอุณหภูมิสีของแสงที่เขาชื่นชอบมากที่สุด ในขณะที่วัสดุกรุผิวหน้าบานเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินต่างๆ ใช้การผสมผสานระหว่างวัสดุทดแทนที่ให้ผิวสัมผัสคล้ายกับธรรมชาติ เช่น วีเนียร์หิน (Stone Veneer) กับแผ่นลามิเนตที่มีผิวสัมผัสและโทนสีใกล้เคียงกับหินจริง ซึ่งต่างก็เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและง่ายต่อการติดตั้ง นอกจากนี้ยังมีการนำเอาเฟอร์นิเจอร์เหล็กแบบลอยตัวจากบ้านเก่ามาแบ่งพื้นที่่ออกเป็นสัดส่วนเพื่อการใช้งานในฟังก์ชันที่ต่างกันไป

“เวลาเข้ามาภายในห้อง ถ้าสายตาของเรามองเห็นภาพรวมทั้งหมดแล้วเข้าใจมันในทีเดียวจบ ความเล็กมันจะเป็นความไม่น่าสนใจ แต่เมื่อเราเริ่มแบ่งพื้นที่ก็จะเกิดการมองที่มีมิติเพิ่มขึ้น แบ่งแล้วเกิดพื้นที่่ส่วนตัว คนหนึ่งอาจนั่งทำงานตรงโต๊ะกินข้าว คนหนึ่งอาจนั่งพักผ่อนอยู่มุมนั่งเล่น จะไม่เกิดการรบกวนกัน เหมือนเราอยู่ด้วยกันแต่ก็สามารถใช้เวลาส่วนตัวได้ด้วย” คุณนิอธิบายแนวคิดในการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง

Monotone คือโทนสีที่ทั้งคู่นำมาใช้ออกแบบบรรยากาศในภาพรวมของห้องให้มีความสุขุม รู้สึกสงบ และเหมาะสำหรับการพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดกับการทำงานมาตลอดวัน

มุมนั่งเล่นจัดวางตำแหน่งของโซฟาพิงกับตู้วางของ เพื่อหันทิศทางการรับชมโทรทัศน์ออกสู่มุมที่เป็นจุดชมวิว ซึ่งนอกจากจะได้ดูโทรทัศน์ไปพร้อมกับการชมวิวในคราวเดียว ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้มีช่องทางเดินมุ่งตรงมาจากประตูทางเข้าต่อเนื่องโดยไร้สิ่งกีดขวาง และสามารถเปลี่่ยนฟังก์ชันจากชั้นวางโทรทัศน์มาเป็นการยืดความยาวของตู้เก็บของมาจรดแนวประตูทางออกสู่ระเบียงอีกด้วย

ตู้บิลท์อินกรุหน้าบานลามิเนตลายหินสีเทา เพื่อคุมโทนให้บรรยากาศคงความเป็นถ้ำเอาไว้ในภาพรวม อีกทั้งการเว้นระยะห่างของตู้บิลท์อินเหนือพื้น ไม่เพียงช่วยลดความทึบตันของห้องลงเท่านั้น ยังเพิ่มฟังก์ชันสำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางและรองเท้าของทั้งคู่ได้อีกด้วย

ตู้บิลท์อินกรุหน้าบานลามิเนตลายหินสีเทา เพื่อคุมโทนให้บรรยากาศคงความเป็นถ้ำเอาไว้ในภาพรวม อีกทั้งการเว้นระยะห่างของตู้บิลท์อินเหนือพื้น ไม่เพียงช่วยลดความทึบตันของห้องลงเท่านั้น ยังเพิ่มฟังก์ชันสำหรับเก็บกระเป๋าเดินทางและรองเท้าของทั้งคู่ได้อีกด้วย

ภายในห้องน้ำเปลี่ยนโทนสีจากขรึมเท่ให้ดูเบาลงด้วยโทนสีขาวของกระเบื้อง พร้อมลดความทึบตันของพื้นที่ด้วยวิธีการกรุกระจกเงาหลอกความรู้สึก

โต๊ะเครื่องแป้งที่ออกแบบขึ้นเองจากวัสดุเหล็กทำหน้าที่่แบ่งสัดส่วนระหว่างเตียงนอนกับห้องน้ำออกจากกัน

โต๊ะเครื่องแป้งที่ออกแบบขึ้นเองจากวัสดุเหล็กทำหน้าที่่แบ่งสัดส่วนระหว่างเตียงนอนกับห้องน้ำออกจากกัน

หัวเตียงจากหินอ่อน Rosso Levanto โคมไฟตั้งพื้น และหมอนอิงสีแดงจากแบรนด์ GILLES CAFFIER ช่วยสร้างจุดเด่นให้กับห้องนอนขรึมเท่ได้ดีมิหยอก

หัวเตียงจากหินอ่อน Rosso Levanto โคมไฟตั้งพื้น และหมอนอิงสีแดงจากแบรนด์ GILLES CAFFIER ช่วยสร้างจุดเด่นให้กับห้องนอนขรึมเท่ได้ดีมิหยอก

การย้ายเข้ามาพักอาศัยแม้เพียงชั่วคราวของคู่รักดีไซเนอร์แห่ง Trimode Studio ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการพักอาศัยแค่ชั่วครู่ชั่วยาม เพราะด้วยการตกแต่งห้องให้น่าอยู่และเหมาะสำหรับการพักผ่อนตามความต้องการแท้จริง ถ้ำบนหน้าผาชั้น 48 ที่เรามายืนอยู่เหนือผืนน้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ สะท้อนตัวตนของทั้งคุณนิและคุณหยกออกมาในทุกรายละเอียด เสมือนการลงหลักปักฐานอย่างถาวร จนบางความรู้สึกของเราเองยังแอบเสียดายแทน หากวันใดวันหนึ่งต้องปล่อยให้ถ้ำแห่งนี้ไปอยู่กับเจ้าของอื่น เมื่อบ้านหลังใหม่แล้วเสร็จตามความประสงค์

TEXT นวภัทร ดัสดุลย์
PHOTO ฉัตรชัย เจริญพุฒ
DESIGN: Trimode Studio

Leave A Comment